วิกฤติเศรษฐกิจโลกที่ผนวกกับวิกฤติการเมืองภายในประเทศ ถือเป็นปัจจัยบั่นทอนรายได้จากการท่องเที่ยวที่สำคัญในห้วงปีที่ผ่านมา
แม้ขณะนี้เหตุการณ์จะคลี่คลายลงไปบ้าง แต่นักท่องเที่ยวก็ยังคงเข็ดขยาดที่จะเดินทางมาไทย ด้วยปัจจัยรุมเร้าเช่นนี้ ยังจะมีหนทางใดที่จะช่วยฟื้นฟูการท่องเที่ยวของไทยให้กลับมาเป็นดาวเด่นในโลกได้ “พรศิริ มโนหาญ” มีคำตอบ
นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า แม้ประเทศไทยจะไม่เคยประสบปัญหาด้านการท่องเที่ยวที่รุนแรงเช่นนี้มาก่อน
แต่เชื่อมั่นว่ายังมีโอกาสอยู่มากที่จะฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยกลับมาเฟืองฟูอีกครั้ง เพราะประเทศไทยยังคงมีจุดแข็งในด้านต่างๆอยู่ครบและได้รับคำชมจากนานาชาติเสมอว่ามีความเป็นมืออาชีพสูงทั้งภาครัฐบาลและเอกชน เห็นได้จากตอนสนามบินสุวรรณภูมิถูกปิดมีหลายโรงแรมที่เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าพักฟรีทันที และเวลาร่วมมือกันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจะมีพลังอย่างมาก เพราะเรามีทั้งแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย คนมีจิตใจให้บริการ เมื่อทุกคนร่วมมือร่วมใจกันก็จะสู่จุดหมายเดียวกันได้ เพราะประเทศไทยยังเป็นประเทศในฝันของคนทั่วโลก
สำหรับการดำเนินงานของ ททท. มี 2 ด้าน คือ การฟื้นฟูตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ และกระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ
เพราะคนไทยอยู่ใกล้ข่าวสาร ดูข่าวทุกวันก็ต้องกระตุ้นให้เกิดการเดินทาง จากปีที่ผ่านมา มีปัญหาโรงแรมคนเข้าพักไม่เต็ม มีปัญหาทางการเมืองและการปิดสนามบิน จนมี 24 ประเทศ ออกประกาศเตือนคนในประเทศของตนเองให้ระมัดระวังการเดินทางมาไทย ที่สำคัญคือเมื่อสนามบินปิดนักท่องเที่ยวก็ไม่มา เพราะบริษัทประกันจะไม่จ่ายเงินประกันให้ แม้จนขณะนี้ก็ยังไม่มีการยกเลิกการเตือนดังกล่าว เพราะเป็นการเตือนระดับกลางๆให้นักท่องเที่ยวระวังเอาเอง แต่ไม่ได้ห้ามเดินทางมา
อย่างไรก็ตาม การออกประกาศเตือนดังกล่าวมีผลต่อนักท่องเที่ยวจีนอย่างมาก เพราะคนจีนจะอยู่ในกฎระเบียบและอยู่ในกรอบกฎหมายมาก
อีกทั้งในแต่ละกรุ๊ปเดินทางมักมีคนจีนที่เป็นข้าราชการ ก็ยิ่งต้องอยู่ในกฎระเบียบมากขึ้นไปอีก เห็นได้จากช่วงที่ประเทศไทยประกาศสถานการณ์ ฉุกเฉินในเดือน ส.ค. 2551 คนจีนยกเลิกเดินทางมาไทย อัตราการเดินทางเข้าเหลือศูนย์ทันที เพราะกลัวว่าจะเป็นการมาชุมนุมเกิน 5 คน จึงไม่มีใครกล้าเดินทางเข้ามา
ขณะเดียวกัน ช่วงกลางปีก่อน ราคาน้ำมันเพิ่มสูงมากจนหลายสายการบินขอเพิ่มค่าธรรมเนียมน้ำมันในราคาสูงเกือบเท่าราคาตั๋วเครื่องบิน
จนทำให้นักท่องเที่ยวยุโรปตัดสินใจขับรถเที่ยวในยุโรปแทนการเดินทางมาไทย ประกอบกับ 2 ปีที่ผ่านมา ททท.บุกตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีอำนาจซื้อสูง จนมีโรงแรมเกิดขึ้นใหม่ไม่ต่ำกว่า 50 โรงแรม หรือเกือบ 10,000 ห้อง ซึ่งที่สุดกลายเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้โรงแรมไม่เต็ม
ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ภายใต้สภาพเช่นนี้ ในปี 2552 ททท.ได้ปรับแผนการตลาดใหม่ โดยจะดึงนักท่องเที่ยวในเอเชีย
โดยเฉพาะจากจีนเข้ามาเสริมนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ ที่หายไปช่วงไฮซีซั่นหรือฤดูท่องเที่ยวที่เหลืออยู่ ช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค.2552 เพราะจีนเป็นประเทศที่อยู่ใกล้และมีประชากรจำนวนมาก อีกทั้งเป็นมหาอำนาจในเอเชียเหมือนที่สหรัฐอเมริกา เป็นมหาอำนาจในโลก และเมื่อนักท่องเที่ยวจีนกลับมาแล้ว ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวจากไต้หวัน มาเก๊า และฮ่องกงตามมาด้วย
“ปกติแต่ละเดือน จะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทยเดือนละ 100,000 คน ในปีที่ผ่านมา ททท.ตั้งเป้าว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนถึง 1.2 ล้านคน แต่พอมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินก็ไม่มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามา รวมตัวเลขทั้งปีหลุดจากเป้าที่ตั้งไว้แน่ๆ ส่วนนักท่องเที่ยวยุโรปที่จองเข้ามาท่องเที่ยวไทยในช่วงต้นปีนี้ เชื่อว่ายังมีอยู่เพราะจ่ายเงินไปแล้ว เพียงแต่ไม่แน่นเหมือนทุกปี จึงเป็นเหตุให้ต้องดึงนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเสริมให้ไฮซีซั่นหรือช่วง ม.ค.-มี.ค.นี้ มีจำนวนนักท่องเที่ยวในระดับเหมือนภาวะปกติ”