ตะลึงแผ่นดินทรุด พระและชาวบ้านอ.ท่าเรือ จ.อยุธยา ริมแม่น้ำป่าสักกุลีกุจอขนย้ายข้าวของเครื่องใช้โกลาหล หลังดินถล่มทรุดตัวยาวถึง 300 เมตร กว้างประมาณ 50 เมตร บ้านพัง 4 หลัง ศาลาท่าน้ำวัดอีก 1 หลัง
สงสัยสาเหตุเกิดจากการดูดทรายในแม่น้ำป่าสักเป็นจำนวนมาก อาจทำให้พื้นกระแสน้ำเปลี่ยนทิศ หรืออาจเกิดจากเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่วิ่งในแม่น้ำป่าสัก เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่พระภิกษุสงฆ์และชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก หมู่ 11 ต.ศาลาลอย อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ต้องเร่งขนย้ายสิ่งของภายในศาลาริมน้ำและบ้านเรือนอย่างโกลาหล หลังจากพื้นดินริมแม่น้ำป่าสักทรุดตัวลงเป็นแนวยาว 300 เมตร กว้างประมาณ 50 เมตร ลักษณะเป็นแนวดิ่งเกือบ 2 เมตร ทำให้บ้านที่อยู่ริมแม่น้ำ 4 หลังทรุดตัวพังเสียหายอย่างน่ากลัว ชาวบ้านทั้งหมดเกิดความหวาดกลัวว่าจะเกิดการทรุดตัวเพิ่มขึ้นและสร้างอันตรายมากกว่านี้
ชาวบ้านอลหม่าน! หนีตายแผ่นดินทรุด
นางทองพูล จันทร์บัณฑิต อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62 หมู่ 11 ต.ศาลาลอย ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนกล่าวว่า เมื่อ 2 วันก่อนเห็นรอยแยกของแผ่นดิน และรอยแตกตามผนังบ้าน แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น
กระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดเสียงดังลั่นขึ้นตามตัวบ้าน ตกใจตื่นขึ้นมาดู และพบรอยร้าวของตัวบ้านแยกตัวออก จึงเรียกคนในบ้านลุกขึ้นมาเก็บสิ่งของเครื่องใช้ออกจากบ้านโดยด่วน เพราะเกรงว่าบ้านจะถล่มลงมา อีกทั้งเมื่อวิ่งออกมาดูที่ด้านนอกบ้าน พบว่าตลิ่งทรุดตัวลงเป็นแนวยาว บ้านเรือนใกล้เคียงอีก 3 หลังเกิดการแตกร้าว และทรุดตัวลงเช่นกัน นอกจากนี้ ศาลาทรงไทยอายุกว่า 50 ปี ซึ่งเป็นท่าน้ำหน้าวัดศาลาลอยทรุดตัวลงเช่นกัน พระสงฆ์และสามเณรต้องออกมาช่วยกันรื้อเอาวัสดุที่ใช้ได้ไปเก็บรักษาไว้ก่อน ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สาเหตุที่ตลิ่งพังดินทรุดตัวจนบ้านได้รับความเสียหายครั้งนี้ น่าจะเกิดจากเมื่อหลายปีก่อนมีการดูดทรายในแม่น้ำป่าสักเป็นจำนวนมาก อาจทำให้พื้นกระแสน้ำเปลี่ยนทิศและส่งผลให้เกิดการทรุดตัวลง หรืออีกสาเหตุอาจจะมาจากในรอบหลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ เช่น เรือขนส่งน้ำมัน เรือบรรทุกแร่ และเรือบรรทุกปูนซีเมนต์ ใช้แม่น้ำป่าสักเป็นเส้นทางผ่านเพื่อรับส่งสินค้า ทำให้เกิดคลื่นในแม่น้ำกัดเซาะตลิ่งอย่างสะสม ชาวบ้านอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์เพื่อหาทางแก้ไขหรือป้องกันโดยด่วน
ด้านนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม กล่าวว่า สั่งการสำนักงานการขนส่งทางน้ำที่ 2 อยุธยา เข้าตรวจสอบ และรายงานให้ทราบโดยด่วนว่าการที่ตลิ่งทรุดตัวเกิดจากสาเหตุใด
พร้อมให้ประสานอบต.ศาลาลอย ออกประกาศเตือนประชาชนให้ระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น พร้อมให้ความช่วยเหลือชาวบ้านเป็นการด่วน วันเดียวกัน ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากตลิ่งทรุดเข้าแจ้งความพ.ต.ท.วิโรจน์ วังวล พนักงานสอบสวนสภ.ท่าเรือ จ.พระนคร ศรีอยุธยา ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เป็นต้นเหตุ ขณะที่อบต.ศาลาลอยประกาศให้พื้นที่ริมตลิ่งแม่น้ำป่าสัก ระยะทางกว่า 300 เมตร เป็นพื้นที่อันตราย จากนั้นพนักงานสอบสวนลงพื้นที่ เพื่อสืบหาสาเหตุและผู้ที่เป็นต้นตอ จนทำให้เกิดความเสียหายด้านนายประเมิน พุ่มชะเอม นายกอบต. ศาลาลอย อ.ท่าเรือ นำเจ้าหน้าที่ออกสำรวจความเสียหายบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างของประชาชนในจุดที่ได้รับความเสียหาย พร้อมประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อันตราย ห้ามประชาชน และเด็กลงไปเดินเล่น เพราะจนถึงขณะนี้ดินยังเกิดการทรุดตัวและสไลด์ลงไปในแม่น้ำป่าสักอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ยังสำรวจแนวตลิ่งแม่น้ำป่าสักที่อยู่ในเขต ต.ศาลา ลอย ความยาวกว่า 500 เมตร พบว่ายังมีจุดเสี่ยงที่อาจจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีก 3 จุด
เบื้องต้นแจ้งให้ประชาชนที่อยู่ในจุดเสี่ยงทราบแล้ว ส่วนพื้นที่ใกล้เคียง เช่น ต.ท่าเจ้าสนุก ต.วังแดง และต.โพธิ์เอน มีพื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดการสไลด์ตัวของดินริมตลิ่งอีกไม่ต่ำกว่า 10 จุด นายประเมินเปิดเผยว่า เมื่อหลายปีก่อนมีการนำเรือดูดทราย มาดูดทรายในพื้นที่บริเวณดังกล่าว เพื่อนำทรายขึ้นไปถมพื้นที่วัดศาลาลอย ซึ่งอยู่ติดกัน และปัจจุบันทางวัดก็เลิกดูดทรายแล้ว โดยล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี นำเรือลอกหน้าดิน มาลงในพื้นที่หน้าวัดศาลาลอย ต.ศาลาลอย เพื่อทำการลอกร่องน้ำ โดยอ้างว่าเกิดการตื้นเขิน ทางองค์การบริหารส่วนตำบลศาลาลอย และชาวบ้านร่วมกันคัดค้านไม่ยอมให้ลอกร่องน้ำ เพราะพื้นที่ดังกล่าวลึกอยู่แล้ว จึงมีการย้ายไปลอกร่องน้ำห่างจากพื้นที่หน้าวัดศาลาลอยออกไปอีก 500 เมตร และกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี จะลอกร่องน้ำเรื่อยไปจนถึงบริเวณจุดบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยา หน้าวัดพนัญเชิงวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา รวมระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร