คิดเห็นอย่างไรกับการรับสมัครลูกเขย!!

คงได้ยินคำยืนยันจากปากนายเสริมเกียรติ กัลป์เจริญศรี เสี่ยร้อยล้านเจ้าของธุรกิจหอพักและธุรกิจปล่อยสินเชื่อในเมืองบุรีรัมย์กันแล้ว

ว่าการประกาศรับสมัครลูกเขยพร้อมกันทั้ง 4 คนนั้นเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องโกหกหรือเป็นแผนการทำธุรกิจแต่อย่างใด

ทำไปเพราะอยากได้ลูกเขยในฝันก็เท่านั้น!??

เหตุผลที่นายเสริมเกียรติยกมาอ้างในการติดป้ายประกาศหาลูกเขย ก็เพียงอยากได้ลูกเขยที่มีคุณภาพ แต่มีข้อแม้ว่าคนที่จะมาเป็นลูกเขยได้จะต้องผ่านด่านทดสอบสภาพร่างกายและจิตใจอีกหลายรายการ

แต่ละด่านดูแล้วหินน่าดู!??

แม้เหตุผลที่นายเสริมเกียรติยกมาอ้างจะเป็นเหตุผลส่วนตัวที่ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร แต่ในมุมของขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมไทย ถูกมองว่าเป็นการสวนกระแสความรู้สึกของคนในสังคม เหมือนการคลุมถุงชนอันล้าสมัย

กระแสคัดค้านกับการแห่สมัครเป็นลูกเขยเลยเป็นเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์คู่กันไป

เหมาะสมหรือไม่ที่ทำแบบนี้!




เรื่องฮือฮาครั้งนี้ถูกนำเสนอเป็นข่าวหน้า 1 วันที่ 27 มิถุนายน เมื่อนายเสริมเกียรตินำป้ายรับสมัครลูกเขยไปติดตั้งไว้ตามหอพักทั่วเมืองบุรีรัมย์

โดยป้ายข้อความระบุคุณสมบัติผู้ที่จะมาสมัครเป็นลูกเขย ในเบื้องต้นต้องมีคุณสมบัติอายุระหว่าง 25-35 ปี จบการศึกษาไม่ต่ำกว่าชั้นม.6 มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และเป็นคนดีมีคุณธรรม สนใจติดต่อ อ.เสริม 0-4461-2026, 0-4461-4643 หรือ 0-9722-1485


หลักฐานที่ใช้ในการสมัคร ประกอบด้วย วุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าชั้นม.6 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และหลักฐานการทำงาน หลังข่าวแพร่สะพัดออกไป

ปรากฏว่ามีหนุ่มใหญ่หนุ่มน้อยให้ความสนใจติดต่อขอสมัครเข้ามาจำนวนมาก บ้างก็แวะเวียนมาอ่านป้ายรับสมัครกันเป็นทิวแถว บางคนถึงกับจดข้อความนำไปเป็นการบ้านเพื่อเตรียมตัวสอบคัดเลือกเป็นลูกเขยเสี่ยร้อยล้านอย่างคึกคัก

ใครเห็นก็ต้องว่าแปลกที่ทำแบบนี้

กล่าวถึงลูกสาวทั้ง 4 คนของนายเสริมเกียรติ เป็นที่ทราบกันดีในเมืองบุรีรัมย์ ว่าทั้งสวยและมีการศึกษาสูง บางคนกำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาโท เป็นคนบุคลิกหน้าตาดี ชนิดที่ใครเห็นแล้วต้องมองเหลียวหลัง

งานนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นที่เอามาพูดอำกัน เพราะคนเป็นแม่อย่างนางสุนี กัลป์เจริญศรี ก็ออกมายืนยันด้วยตนเองว่า ครอบครัวได้หารือกันแล้ว ว่าจะหาลูกเขยด้วยวิธีนี้ แต่จะต้องได้รับความยินยอมจากลูกสาวด้วย ก่อนหน้านี้ถึงขนาดแจกใบปลิวรับสมัครลูกเขยมาแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครเข้าตากรรมการ เลยต้องใช้วิธีการปิดป้ายไปทั่วเมืองเพื่อประชาสัมพันธ์เป็นครั้งที่ 2

คราวนี้ดังเป็นพลุแตกเพราะเป็นข่าวขึ้นหน้า 1
"หลายคนมองว่าสามีเพี้ยนไปแล้วหรือ ตอบได้เลยว่าไม่เพี้ยน ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง แม้ดิฉันจะไม่เห็นด้วย แต่ก็คิดว่าสามีทำรอบคอบแล้วที่เปิดโอกาสให้ลูกสาวมีตัวเลือกมากขึ้น เพราะกลัวว่าธุรกิจที่ทำไว้จะไม่มีใครช่วยดูแล และที่สำคัญ งานนี้ลูกๆ ก็เข้าใจดีว่าเราไม่ได้บังคับ และเขาก็มีสิทธิ์เลือกเหมือนกัน" คนเป็นแม่กล่าว





ด้านนายเสริมเกียรติกล่าวภายหลังขึ้นป้ายหาลูกเขยว่า

ที่ทำเพราะอยากให้ลูกได้คู่ครองที่ดี มีความคิดสร้างสรรค์ ขยัน สามารถดูแลลูกสาวและธุรกิจได้ แต่เนื่องจากตนทำธุรกิจ จึงไม่มีเวลาไปเลือกเฟ้นหรือคัดสรรลูกเขย จึงติดป้ายประกาศรับสมัครลูกเขย ประกอบกับที่ผ่านมา ตนทำธุรกิจและผ่านชีวิตความลำบากมาก่อน ก

ว่าจะมาถึงจุดนี้ได้เป็นอาจารย์สอนหนังสือ หลังลาออกก็ทำงานหนักสารพัด ทั้งขายถ่าน ทำงานก่อสร้าง ขายหวยใต้ดิน และเคยติดคุกมาแล้ว จึงไม่อยากให้ลูกสาวต้องลำบากเหมือนตน อยากเลือกคนที่ดีๆ ให้ลูก แต่สำคัญที่สุด ผู้ที่จะผ่านการคัดเลือกนั้นต้องได้รับความยินยอมจากลูกสาวด้วย เพราะตนไม่ได้จะบังคับ เพียงอยากให้มีหลายๆ ตัวเลือกเท่านั้น


ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ล้มเลิกความคิด ยังจะเดินหน้าต่อไป ที่ผ่านมามีคนสมัครมากมาย

มีทั้งคนรวยคนจน เดินทางมาจากต่างจังหวัดก็มี สำหรับบททดสอบนั้นมีหลายขั้นตอน ถือว่ายากลำบากเช่นกัน ผู้สมัครต้องช่วยกันแบกอิฐสร้างอาคารลงจากรถสิบล้อ 50,000 ก้อน

เหมือนผมกับภรรยาที่เคยทำมาแล้ว ตอนช่วยกันสร้างตึกหลังแรก จากนั้นก็ต้องนั่งเซ็นลายเซ็นใส่กระดาษทั้งวัน เพราะนักธุรกิจต้องอยู่กับลายเซ็น แล้วก็จะให้นับกระดาษแทนเงินนับไปเรื่อยๆ ให้ได้หลายสิบล้านบาท จะได้รู้ว่าเงินหลายล้านนั้นจะกองสูงขนาดไหน" นายเสริมเกียรติกล่าวขึงขัง

ส่วนกฎ กติกา มารยาท ผู้ทดสอบจะต้องมาทดสอบไปเรื่อยๆ เป็นเวลา 3 ปีเพื่อดูใจ และจะเลือกคนที่ดีที่สุดถูกใจทั้งนายเสริมเกียรติ ภรรยา และลูกสาว

ทั้งนี้ ขอเตือนพวกที่มีฐานะดีกว่าครอบครัวนายเสริมเกียรติ รวมทั้งคนที่มีความรู้ความสามารถมากกว่าว่าไม่ควรมา เพราะบ้านนี้มองว่าพวกนี้ไม่ค่อยมีความอดทนแถมควบคุมยาก

ระดับเดียวกันหรือต่ำกว่ามีลุ้นมากกว่า!??




ทั้งนี้ ความคิดเห็นอีกด้านที่นายเสริมเกียรติต้องรับฟัง คือเสียงตำหนิติติงจากสังคม

ที่มองว่างานนี้ไม่เป็นการสมควรทั้งด้านประเพณีและวัฒนธรรม โดยนายเสกสรร ธีระวาณิช ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกมาย้ำให้นายเสริมเกียรติคิดให้มากๆ เพราะถือเป็นการขัดต่อธรรมเนียมประเพณี ซึ่งนายเสริมเกียรติไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้เพื่อหาคู่ให้ลูกสาว วิธีอื่นที่ดูดีกว่านี้ก็มีให้เลือกมากมาย

สังคมมองว่านายเสริมเกียรติอยากดังมากกว่า!?!

จากแรงกดดันดังกล่าวทำให้นายเสริมเกียรติยอมถอยออกมา 1 ก้าว โดยการปลดป้ายรับสมัครลูกเขยออก แต่ยังย้ำตามเจตนารมณ์เดิม ว่าจะเดินหน้าหาลูกเขยด้วยวิธีนี้ต่อไป แต่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนวิธีให้ดูดีกว่านี้ เช่น ทำในรูปของการเปิดรับพนักงานเพื่อให้เข้ามาทดสอบการเป็นลูกเขยเป็นการภายใน

ควรหรือไม่ควรต้องใช้วิจารณญาณกันให้ดี


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์