เจ้าสัวซีพีชี้ไม่ฟังใครอันตราย แนะรัฐใช้ทฤษฎี2สูง

เจ้าสัวธนินท์เชื่อ "อภิสิทธิ์"เปิดกว้างรับฟังความเห็นรอบด้าน
 
ชี้หากไม่ฟังเป็นเรื่องอันตราย แนะรัฐบาลใช้ทฤษฎี 2 สูง ดันราคาสินค้าเกษตรเพิ่มรายได้ประชาชน ด้านกรณ์เสนอนายกฯ ตั้งคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ประชุมทุกวันจันทร์ ยันไม่ลดภาษีเงินได้นิติบุคคล

นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวในงาน “คุยกับซีพี ครั้งที่ 4 / 2551” ว่า

คณะรัฐมนตรีชุดนี้มีเวลาน้อยต้องเร่งทำผลงาน ซึ่งหากผลงานไม่ดีก็คงจะอยู่ไม่ได้ แต่เชื่อว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะรับฟังความคิดเห็นและสอบถามคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหลายๆ ด้าน และขอแนะนำให้รัฐบาลหานักวิชาการที่มีประสบการณ์จากต่างประเทศเข้ามาร่วมงานด้วย เพื่อจะระดมความคิดเห็นจากคนที่มีความสามารถ หากทำได้นายอภิสิทธิ์จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่เก่งและมีความรู้ใหม่ๆ


 "สิ่งที่น่ากังวลคือ คนที่ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นคนอื่น ซึ่งเป็นเรื่องอันตราย ตอนนี้ก็ขอให้กำลังรัฐบาลชุดใหม่ในการบริหารประเทศ" นายธนินท์กล่าว พร้อมแนะนำว่า รัฐบาลนำทฤษฎี 2 สูงมาใช้ คือการทำให้ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร และรัฐต้องเพิ่มรายได้หรือเพิ่มเงินค่าครองชีพของประชาชนให้สูงขึ้น โดยเริ่มจากเงินเดือนราชการ และการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งเมื่อประชาชนมีรายได้เพิ่มก็จะมีการจับจ่าย ทำให้มีการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เพราะปี 2552 เศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลง สังคมจะเดือดร้อน คนตกงานมากขึ้น


นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า
 
จะเสนอนายกรัฐมนตรีให้ตั้งคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้านปัญหาเศรษฐกิจ โดยประชุมทุกวันจันทร์
โดยขณะนี้ยืนยันว่าจะไม่ใช้นโยบายลดภาษีเงินได้นิติบุคคล แม้จะเคยมีแนวคิดเมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีคลังเงา เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปจากเดิม รายได้อาจไม่เป็นไปตามเป้า จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบเรื่องการปรับลดภาษี ถ้าให้เลือกระหว่างการลดภาษีกระตุ้นเศรษฐกิจกับการใช้งบประมาณ คิดว่าต้องให้น้ำหนักกับการใช้งบประมาณมากกว่า


 อย่างก็ตาม รัฐบาลไม่มีนโยบายขยายกรอบวงเงินขาดดุลงบประมาณเพิ่มจากที่กฎหมายกำหนดไม่เกิน 20%ของงบประมาณรายจ่าย เพราะกรอบปัจจุบันถือว่าเหมาะสมกับระบบเศรษฐกิจ และสามารถรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจได้ ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2552 รัฐบาลสามารถเพิ่มวงเงินขาดดุลงบประมาณได้ประมาณ 1.8 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลจะใช้งบประมาณขาดดุลเพิ่มเติมประมาณ 1 แสนล้านบาท      
       

 ส่วนเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจปีหน้า นายกรณ์กล่าวว่า
 
จะไม่ดูเป้าหมายแค่ตัวเลขจีดีพีในการบริหารเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่จะดูปัจจัยด้านอื่นประกอบ โดยเฉพาะความเป็นอยู่ของประชาชน  เพราะที่ผ่านมา แม้จีดีพีจะขยายตัว แต่ประชาชนคิดว่า ไม่รวย และค่าครองชีพก็สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม หากระดับของจีดีพีขยายตัวต่ำกว่า 4% ต่อปี จะส่งผลให้เกิดปัญหาการว่างงานในประเทศ


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์