รากหญ้ารับหนี้เพิ่ม-ผวาตกงาน สหกรณ์เริ่มมีปัญหาชำระคืน-เร่งรัฐแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

สินค้าแพงเศรษฐกิจแย่ รากหญ้าอ่วมเป็นหนี้เพิ่มขึ้น แต่มีการเบี้ยวชำระหนี้ไม่มาก เผยส่วนใหญ่กู้เงินเพื่อใช้ลงทุน ห่วงอนาคตตกงานเพิ่ม เร่งรัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจด่วน ระบุสหกรณ์ของไทยมีหนี้เพิ่มขึ้น เริ่มมีปัญหาจ่ายคืนล่าช้า

 ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

แถลงผลประเมินสถานภาพของประชาชนระดับรากหญ้า ทำการสำรวจทั่วประเทศระหว่างวันที่ 8-15 ธันวาคมนี้ ว่า ประชาชนระดับรากหญ้าประสบปัญหาเศรษฐกิจมากถึง 42.6% มีสาเหตุมาจากต้นทุนค่าครองชีพที่สูงขึ้นจากราคาสินค้ามากที่สุด 38.02% และรู้สึกว่าเศรษฐกิจแย่ 22.54% และราคาพืชผลทางการเกษตรลดลง 21.92%


 ทั้งนี้ ประชาชนรากหญ้าระบุว่า

ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดย 62.64% มีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของอาชีพเกษตร อาชีพครู คนขับรถแท็กซี่ และกลุ่มรถโดยสาร ด้านสถานภาพหนี้ของครัวเรือนระดับรากหญ้าภาพรวม 94.57% ระบุว่าเป็นหนี้ มีเพียง 5.43% ที่ไม่มีหนี้สิน ซึ่งแยกตามวัตถุประสงค์การกู้ยืมส่วนใหญ่ 22.51% เป็นการกู้มาเพื่อลงทุน รองลงมา 20.21%  กู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย โดยแหล่งเงินกู้ยังมีบางส่วนกู้จากแหล่งเงินกู้นอกระบบ แม้ส่วนใหญ่จะกู้จากในระบบ มีภาระหนี้เฉลี่ยรายละ 210,387.2 บาท อัตราการผ่อนชำระ 8,282 บาทต่อเดือน


ผศ.ดร.ธนวรรธน์กล่าวอีกว่า

ผลประเมินครั้งนี้ ยังพบว่าประชาชนระดับรากหญ้าประมาณ 70% เคยมีปัญหารายได้ไม่พอกับรายจ่าย แต่ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ประชาชนระดับรากหญ้าราว 72.8% ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งในอนาคตประชาชนส่วนใหญ่ถึง 33.92% ระบุว่าจะมีหนี้เพิ่มมากกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้น สำหรับสิ่งที่รากหญ้ากังวลมากที่สุด คือ การตกงานมากถึง 85.06%

 

 "ประชาชนกลุ่มรากหญ้ายังขอให้รัฐบาลเร่งฟื้นเศรษฐกิจให้เสร็จภายในไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์ เพราะเดือนมีนาคม-เมษายน จะเริ่มเป็นช่วงปลดคนงาน และจะมีบัณฑิตจบการศึกษา และควรดูแลราคาพืชผลทางการเกษตร พร้อมเร่งใช้งบประมาณกลางปี หากเพิ่มเป็น 2 แสนล้านบาท ก็จะเป็นเรื่องที่ดี รวมทั้งอยากให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ดึงเงินหรือเร่งเบิกจ่ายงบประมาณลงทุน เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายและเศรษฐกิจจะได้ฟื้นพร้อมกัน" ผศ.ดร.ธนวรรธน์กล่าว


 ผศ.ดร.ธนวรรธน์กล่าวอีกว่า
 
จากการประเมิน ”ภาวะเศรษฐกิจสหกรณ์ไทยในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ” พบว่า
การกู้ยืมเงินของประชาชนที่เป็นสมาชิกระบบสหกรณ์ทั่วประเทศปี 2551 คาดว่าจะมีมูลหนี้ 6.75 แสนล้านบาท สูงขึ้น 9.8-9.9% เมื่อเทียบกับการกู้ยืมเงินในสหกรณ์ปี 2550 ที่มีมูลหนี้  6.15 แสนล้านบาท หรือมีหนี้เฉลี่ยต่อคนที่ 69,587 บาท เทียบจากปีก่อนที่มีหนี้เฉลี่ยต่อคน 67,582 บาท


 “สถานภาพสหกรณ์ในภาพรวมของประเทศ ที่ได้ทำการเก็บสำรวจ มีสหกรณ์ออมทรัพย์ครู สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์แท็กซี่ และสหกรณ์รถโดยสาร มีเงินหมุนเวียนระบบสหกรณ์ประมาณ 1 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 10% ของจีดีพีประเทศ และขณะนี้ก็เริ่มมีปัญหาการชำระหนี้ ”ผศ.ดร.ธนวรรธน์ กล่าว


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์