นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า
ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือน พ.ย. อยู่ที่ 71.8 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ระดับ 75.1 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากยอดคำสั่งซื้อและยอดขายที่ชะลอตามภาวะเศรษฐกิจโลก รวมถึงปัญหาการเมือง ดังนั้น ต้องการให้รัฐบาลช่วยรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนให้อยู่ที่ 34-37 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ เพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออกให้ได้เปรียบคู่แข่งในการจำหน่ายสินค้าราคาต่ำ ซึ่งหากจะรักษาตลาดต่างประเทศไว้ อาจต้องมีการลดราคาสินค้าลง 20-30% พร้อมทั้งผลักดันให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 1% เหลือ 1.75% เพราะปีหน้าแต่ละประเทศจะแข่งขันการลดราคาอย่างรุนแรง
“ดัชนีของยอดคำสั่งซื้อในประเทศเดือน พ.ย. อยู่ที่ 73.1 ลดลงจากเดือนก่อนที่อยู่ 84.9 ส่วนยอดคำสั่งซื้อจากต่างประเทศอยู่ที่ 69.4 ลดลงจากเดือนก่อนที่อยู่ 88.6 ส่วนดัชนีราคาขายลดลงจาก 95.4 เหลือเพียง 87.4”
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ดัชนีความเชื่อมั่นลดลง มีอาทิ สิ่งทอ หนังและผลิตภัณฑ์หนัง เครื่อง ประดับ เหล็ก ปูนซีเมนต์ เซรามิก ไม้อัด ยานยนต์ เครื่องจักรกลการเกษตร เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ยารักษาโรค พลาสติก กระดาษ ซึ่งเป็นกลุ่มเดิมๆที่เคยลดลงมาต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่ดัชนีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น เช่น เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า กระจก เฟอร์นิเจอร์ เครื่องปรับอากาศ อาหาร น้ำตาลสมุนไพร
“ตลาดส่งออกในปีหน้า ทุกประเทศต้องแข่งขันด้านการลดราคาเป็นหลัก ซึ่งผู้ผลิตของไทยก็จะต้องปรับลดราคาลงให้ได้ 20-30% เพื่อแย่งยอดส่งออก ซึ่งจะทำให้มีรายได้ลดลงตามไปด้วย ซึ่งยังไม่รวมผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยน สุดท้ายแล้วก็ต้องหันไปลดระยะเวลาของการทำงานล่วงเวลาของเจ้าของกิจการ รายได้ของแรงงานก็จะลดลงเป็นลูกโซ่”