เอพีและเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 15 ธ.ค. ชาวอิรักส่วนหนึ่งในกรุงแบกแดดและที่เมืองนา
จาฟชุมนุมสนับสนุนนายมุนตาดาร์ อัล-ไซดี นักข่าวอิรักวัย 28 ปี เป็นฮีโร่คนใหม่ หลังก่อเหตุสะท้านสะเทือนโลก ด้วยการขว้างรองเท้าใส่ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ระหว่างผู้นำสหรัฐอเมริกาเปิดแถลงข่าวร่วมกับนายอาลี อัลมาลิกี นายกรัฐมนตรีอิรัก แม้ว่า รัฐบาลอิรักจะประณามว่าเป็นการกระทำป่าเถื่อน เพราะการขว้างรองเท้าใส่ในวัฒนธรรมของชาติอาหรับคือการแสดงความหยามเหยียดที่หยาบคายที่สุด ส่วนความผิดตามกฎหมาย มีโทษจำคุกอย่างน้อย 2 ปี และหากถูกตัดสินข้อหาพยายามฆ่า จะต้องติดคุกถึง 15 ปี
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นายไซดี นักข่าวสถานีโทรทัศน์อัล-แบกแดดดิยะ ถอดรองเท้าขว้างใส่หน้าบุชทีละข้าง
พร้อมตะโกนด่าว่า "นี่คือการจูบลา แก ไอ้หมา" ฝ่ายบุชหลบได้ทันทั้ง 2 ข้าง ท่ามกลางความตกใจของนักข่าวคนอื่นๆ และหน่วยรักษาความปลอดภัยที่รุดมาลากนักข่าวเลือดเดือดออกไปจากห้อง ขณะที่นายไซดียังตะโกนว่า "แกเป็นคนทำให้ชาวอิรักตายเป็นเบือ"
ด้านบุช ซึ่งเดินทางมาเยือนอิรักและอัฟกานิสถาน เป็นนัดส่งท้ายก่อนจะหมดวาระในปีหน้า ยังคงอารมณ์ดี ทั้งกล่าวติดตลกว่า รองเท้าคู่ที่ปาใส่เป็นเบอร์ 10
ก่อนให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า เจอเหตุการณ์แปลกๆ มาเยอะแล้ว และครั้งนี้ เพียงคนๆ หนึ่งมาขว้างรองเท้าใส่ แล้วจะเหมารวมเป็นอิรักทั้งหมด คงไม่ถูกต้อง ด้านสถานีอัล-แบกแดดดิยะ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทางการปล่อยตัวนายไซดีในทันที และว่า เจ้าหน้าที่ควรเคารพต่อสิทธิในการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี ส่วนเพื่อนนายไซดีเปิดเผยว่า นายไซดีเกลียดชังอเมริกา และบุชมานานแล้ว ด้านนายลิวา ซูเมสซิม สมาชิกกลุ่มต่อต้านอเมริกัน กล่าวว่า การกระทำของนายไซดีเป็นตัวแทนของชาวอิรักที่อัดอั้นตันใจกับการเห็นประธานาธิบดีของประเทศที่เข้ามายึดครองอิรัก
ที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ นายมูซีร์ อัล คาลิฟาจี ผู้อำนวยการสถานีอัล-แบกแดดดิยะ กล่าวว่า นายไซดีเป็นชาวอาหรับที่ดี และเป็นคนรับฟังความเห็นที่แตกต่าง ก่อนหน้านี้เคยถูกฝ่ายอเมริกันจับกุมมาแล้ว 2 ครั้ง ทางสถานีจึงกลัวว่าจะมีนักข่าวอื่นๆ ในอิรักอาจถูกจับกุมอีก