นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี นายกสมาคมผู้ผลิตเอทานอล เปิดเผยว่า
เป็นห่วงโรงงานผลิตเอทานอลในต้นปี 52 อย่างมาก เนื่องจากราคาเอทานอลมีโอกาสปรับลดลงจาก 22 บาทต่อลิตรเหลือ 19-20 บาทต่อลิตร ซึ่งลดลงตามราคาน้ำมัน ในตลาดโลก โดยเฉพาะกลุ่มโรงงานที่ใช้กาก น้ำตาล (โมลาส) เป็นวัตถุดิบ ที่มีต้นทุนสูงกว่ามันสำปะหลัง ดังนั้นอยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินนโยบายพลังงานทดแทนต่อไป และไม่ควรต่อ ระยะเวลาการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน
“ไม่ใช่ว่าน้ำมันลดลงภาครัฐก็เลิกสนใจพลังงานทดแทนหรือไม่สานต่อ ขณะเดียวกันควรทยอยเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะระดับราคาน้ำมันถือว่าต่ำมากแล้ว ซึ่งจะทำให้ภาครัฐสามารถบริหารทั้งนโยบายพลังงานทดแทนและการดูแลฐานะกองทุนน้ำมันได้ง่าย”
นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า
ปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวทำให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันลดลง ประ กอบกับกลุ่มเก็งกำไรเฮดจ์ฟันด์เทขาย จึงทำให้ราคาน้ำมันปรับลดต่อเนื่อง และคาดว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะมีการปรับลดลงจนถึงช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า แต่ไม่ต่ำกว่าระดับ 30-40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
“ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นบ่อเก่ามีต้นทุนการผลิตอยู่ที่ระดับ 30-40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และส่วนที่เป็นบ่อใหม่ที่มีต้นทุนสูงประมาณ 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล”
นายสุรงค์ บูลกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. กล่าวว่า
จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำทำให้การใช้พลังงานมีทิศทางลดลงแต่ ปตท.ยืนยันว่ายังคงเดินแผนการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ที่จะนำมาผลิตก๊าซซีเอ็นจีต่อไปจำนวน 5 ล้านตันในปี 54 คงเดิมเพื่อนำไว้รองรับการใช้ในอนาคตเพิ่มขึ้น ขณะที่แหล่งก๊าซในประเทศเริ่มลดลงและจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกชะลอตัวได้ส่งผลให้ราคาพลังงานภาพรวมเริ่มตกต่ำดังนั้นโอกาสในการเจรจาซื้อแอลเอ็นจีจึงมีแนวโน้มที่ดีขึ้นมาก.