สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นสพ.โยมิอุริ รายงานวานนี้ (9 ธ.ค.) ว่า
รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีทาโระ อาโซะ ของญี่ปุ่น และพรรคร่วมรัฐบาลกำลังพิจารณาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ รวมงบใช้จ่าย 15-20 ล้านล้านเยน หรือ 5.7-7.7 ล้านล้านบาท ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยการออกแผนกระตุ้นรอบใหม่ ซึ่งเป็นรอบที่ 3 นับตั้งแต่เดือน ส.ค. ที่ผ่านมา หลังจากพบว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ของปีหดตัวลงถึง 0.5% จากไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 1.8% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสูงเป็น 3 เท่าของการติดลบของเศรษฐกิจสหรัฐฯในไตรมาสเดียวกัน ทำให้คาดกันว่าไตรมาสที่ 4 ญี่ปุ่นจะขยายตัวติดลบมากขึ้น เป็นการติดลบ 4 ไตรมาสต่อกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
วันเดียวกัน บริษัทโซนี่ คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า
จะปลดพนักงาน 8,000 ตำแหน่ง พร้อมลดขนาดการลงทุน และยุติการดำเนินธุรกิจที่ไม่สร้างผลกำไร ขณะที่ นสพ.นิกคัน โคเกียว รายงานว่า บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป กำลังพิจารณาลดค่าใช้จ่ายของธุรกิจปีหน้าลง 30-40% หรือมากกว่า 4 แสนล้านเยน ขณะที่ฝั่งยุโรป กลุ่มค้าปลีกของอังกฤษ (BRC) เปิดเผยว่ายอดขายลดลง 2.6% จากปีก่อน ในเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบ 3 ปี ซึ่งอาจจะส่งผลให้คนเลื่อนจับจ่ายในช่วงคริสต์มาส
ทางฝั่งสหรัฐฯ หลังจากที่ตัวเลขทางการระบุว่า
ได้มีการเลิกจ้างพนักงาน ปลดพนักงานไปแล้ว 5.33 แสนตำแหน่ง ในเดือน พ.ย.สูงที่สุดในรอบ 34 ปี และนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า อัตราการว่างงานของสหรัฐฯจะสูงถึง 8% บริษัทดาว เคมีคอล ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์รายใหญ่ ระบุว่า จะปิดโรงงาน 20 แห่ง และปลดพนักงานอีก 5,000 คน ขณะที่วินด์แฮม เวิลด์ไวด์ คอร์ป ผู้ประกอบการโรงแรมและที่พักอาศัย จะปลดพนักงาน 4,000 คน ขณะที่ 3 เอ็ม โค จะปลดพนักงาน 2,300 คน ด้านบริษัทอีน ฮอยเซอร์-บุช อินเบป ผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ที่สุดในโลก บอกว่าจะปลดพนักงาน 1,400 ตำแหน่งในเร็วๆนี้ ส่วนบริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ป ก็เปิดเผยว่า จะระงับการผลิตที่โรงงานนอมัล รัฐอิลินอยส์ ซึ่งมีพนักงาน 1,568 คน เป็นเวลา 7 สัปดาห์ ในปีหน้า เป็นเวลาหยุดทำงานที่ยาวนานที่สุด ตั้งแต่เปิดกิจการมาในปี 2531.