คลังหวั่นการเมืองป่วนทำนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจสะดุด โยนเพิ่มงบกลางปีแสนล้าน-มาตรการภาษีให้รัฐบาลใหม่ตัดสินใจ รับยิ่งช้ายิ่งไม่ทันการณ์ เชื่อมกราคมปีหน้าวิกฤติดิ่งเหวแน่ ด้านบีโอไอเผย 11 เดือนขอรับการส่งเสริมลงทุนวูบ 25%
ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า
ขณะนี้ค่อนข้างกังวลในการบริหารเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากช่วงรัฐบาลรักษาการคงไม่สามารถดำเนินนโยบายใหม่ๆ ได้มากนัก ส่วนนโยบายที่มีอยู่เดิมก็อาจจะล่าช้าออกไปและต้องรอรัฐบาลใหม่ เช่น การจัดทำงบกลางปีเพิ่มเติม 1 แสนล้านบาทและการเสนอปรับปรุงโครงสร้างภาษีจากเดิมที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรีรักษาการอนุมัติขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่าต้องรอรัฐบาลใหม่เป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งมองว่าอาจไม่ทันกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังชะลอลงอย่างมากในช่วงนี้และมองว่าต้นปีจะชะลอตัวรุนแรงยิ่งขึ้น
"ประมาณเดือนมกราคม 2552 เศรษฐกิจคงเหมือนการดิ่งลงหน้าผา เหมือนช่วงปี 40 ที่แม้ปัญหาจะเกิดกลางปีแต่ปลายปีก็ยังไม่รุนแรงมากและจะรุนแรงก็ต้นปีถัดไป ซึ่งหลักการบริหารในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำคือรัฐบาลต้องลดภาษีเพื่อช่วยเพิ่มการใช้จ่ายให้ประชาชนและภาคเอกชน" ดร.สุชาติกล่าวและว่า ยังโชคดีที่สามารถจัดสรรเงินใช้ในโครงการรับจำนำข้าว 1.1 แสนล้านบาทไว้แล้ว ซึ่งถือเป็นการช่วยนำเงินเข้าสู่ระบบทำให้เกิดการหมุนเวียนในภาคเกษตรและสะพัดมาอยู่ในภาคตัวเมืองได้ รวมทั้งยังช่วยให้ราคาสินค้าเกษตรอยู่ในระดับสูง
นอกจากนี้ได้กำชับให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดสินเชื่อไว้สำหรับลูกค้า 4-5 ล้านราย เพื่อดูแลลูกหลานของลูกค้าที่จบใหม่ที่ไม่สามารถหางานทำได้หันมาทำการเกษตรและธุรกิจต่อเนื่อง โดยสามารถให้สินเชื่อได้รายละ 5-6 หมื่นบาท ซึ่งโครงการนี้จะรองรับแรงงานใหม่ได้ 1.5 แสนคน
ด้านนายดำริ สุโขธนัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ว่า
ได้สรุปยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 11 เดือนแรกปีนี้ว่า มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 4.36 แสนล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 25% แต่จำนวนโครงการเพิ่มขึ้น 2.8% ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขอส่งเสริมการลงทุนของปิโตรเคมีและรถยนต์ลดลง นอกจากนี้ ที่ประชุมยังอนุมัติให้ส่งเสริมการลงทุนอีก 10 โครงการใหญ่ มูลค่ารวม 56,344.9 ล้านบาท
นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า
ขณะนี้มีคำขอรอการพิจารณาของบีโอไออีก 257 โครงการ มูลค่ากว่า 1.9 แสนล้านบาท โดยยอดคำขอรับการส่งเสริมลงทุนในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมปีนี้ยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก สถานการณ์การเมือง รวมถึงการปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่อาจทำให้นักลงทุนขาดความมั่นใจ ซึ่งบอร์ดบีโอไอเห็นชอบให้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาและประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมทั้งหาแนวทางให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการบีโอไอชุดใหม่ พร้อมทั้งเห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตตั้งแต่ปี 2552-2554