บุชขอโทษคนตกงาน-โอบามาเผยโผว่าที่รัฐบาล

ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช แห่งสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์เปิดใจก่อนพ้นตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ในรายการ “เวิลด์ นิวส์” สถานีโทรทัศน์เอบีซี

ซึ่งออกอากาศเมื่อ 1 ธ.ค. โดยกล่าวแสดงความเสียใจต่อประชาชนชาวอเมริกันที่ต้องตกงาน เนื่องจากสหรัฐฯกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤติทางการเงินและเศรษฐกิจ ทำให้มีการปลดพนักงานออกเป็นจำนวนมาก ซึ่งนายบุชแสดงความรับผิดชอบ และระบุว่าปัญหาดังกล่าวเกิดในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี หวังว่าเมื่อเวลาผ่านไปประชาชนคงเห็นความพยายามของรัฐบาลที่มุ่งมั่นในการแก้ไขวิกฤติดังกล่าว  

วันเดียวกัน สถาบันวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นบีอีอาร์) เปิดเผยผลการศึกษาแนวโน้มด้านเศรษฐกิจในประเทศ

อ้างอิงการเก็บข้อมูลตั้งแต่ ธ.ค. 2550-ก.ย. 2551 ระบุธุรกิจสหรัฐฯหยุดชะงักนับตั้งแต่สิ้นปีที่แล้ว แต่รัฐบาลบุชหลีกเลี่ยงการยกประเด็นมาชี้แจงแก่ประชาชน อย่างไรก็ตาม เอ็นบีอีอาร์ ระบุว่าเศรษฐกิจจะค่อยๆกระเตื้องขึ้นภายในช่วงปลายปี 2553 นอกจากนี้ โฆษกของสถาบันยังกล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือเร่งแก้ไขให้ตลาดการเงินและตลาดสินเชื่อกลับสู่สภาวะปกติ  

ด้านนายบารัก โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ และนายโจ ไบเดน รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ร่วมกันเสนอรายชื่อผู้จะมาเป็นคณะรัฐมนตรีให้แก่ วุฒิสมาชิกเพื่อลงมติเห็นชอบเมื่อ 2 ธ.ค.

ซึ่ง รมว.ต่างประเทศ ได้แก่ นางฮิลลารี คลินตัน ส.ว.นิวยอร์ก อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 โดยเธอกล่าวพร้อมทุ่มเทเต็มที่ และจะแก้ไขข้อผิดพลาดที่รัฐบาลบุชทำไว้ ทั้งนี้  โอบามายืนยันว่าการมอบตำแหน่งให้อดีตคู่แข่งนั้นไตร่ตรองมาอย่างดีแล้ว และมั่นใจในตัวฮิลลารีเต็มร้อย  

ส่วนรายชื่ออื่นๆ ประกอบด้วย นายโรเบิร์ต เกตส์ ตำแหน่ง รมว.กลาโหม นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลัง นายอีริก โฮลเดอร์ รมว.ยุติธรรม น.ส.เจเน็ต นาโปลิตาโน รมว.ความมั่นคงภายในประเทศ และ น.ส.ซูซาน ไรท์ ถูกเสนอชื่อให้เป็นเอกอัครสถานทูตสหรัฐฯประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ซึ่งนักวิเคราะห์ ให้ความเห็นว่าโอบามาเริ่มต้นได้ดี เนื่องจากบุคคลเหล่านี้มีคุณสมบัติครบถ้วน  

นอกจากนี้ โฆษกของรัฐมนตรีต่างประเทศ หยาง เจียฉี แห่งจีน กล่าวแสดงความยินดีต่อผู้ที่มีรายชื่อในคณะรัฐมนตรี และตั้งตารอคอยที่จะเจรจาร่วมกันทางการค้า เพื่อรับมือวิกฤติการเงิน.