เมื่อวันที่ 25 พ.ย. เนื่องในวันรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงต่อสตรีสากล นายบัน คีมุน เลขาธิการสหประ ชาชาติ
แถลงเรียกร้องให้ผู้นำและประชาชนนานาชาติ ตระหนักถึงสถานการณ์การล่วงละเมิดและทำร้ายเด็กและสตรีที่ครอบคลุมไปทั่วโลก โดย 1 ใน 3 ของสตรีเสี่ยงถูกซ้อม ถูกบังคับให้มีเซ็กซ์ หรือถูกทำร้ายด้วยวิธีอื่นๆ ผู้หญิงในช่วงวัย 15-44 ปีเสี่ยงต่อการถูกข่มขืน และถูกทำร้ายภายในครอบครัว มากยิ่งกว่าภัยจากโรคมะเร็ง อุบัติเหตุตามท้องถนน สงคราม และมาลาเรีย
จากรายงานของสหประชาชาติ มีการใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิงในทุกเขตสงคราม ทั้งระหว่างประเทศและภายในประเทศ นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้หญิงจำนวนครึ่งหนึ่งถูกฆ่าโดยคู่หรือแฟนเก่าของตนเอง
"เราจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายมากขึ้นกว่านี้ และอย่าปล่อยให้ผู้กระทำผิดลอยนวล เราต้องต่อสู้กับทัศนคติ และพฤติกรรมที่ให้อภัยง่ายๆ ทนเจ็บตัว รวมไปถึงการแก้ตัวและดูดายกับความรุนแรงต่อสตรี" เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าว
วันเดียวกัน ไชน่าเดลี่รายงานสถานการณ์ความรุน แรงในครอบครัวจีน ว่า จากข้อมูลของสหพันธ์สตรีจีน มีผู้หญิงจีนถูกกระทำรุนแรงในครอบครัวปีละ 40,000 รายต่อปี
และเป็นสาเหตุสำคัญของการหย่าร้าง การสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้พบว่า 1 ใน 3 ของ 267 ล้านครอบครัวต่างประสบความรุนแรงในครอบครัว ด้านศูนย์ปรึกษาสตรีเมเปิ้ล องค์กรเอกชนที่จัดตั้งฮอตไลน์รับเรื่องราวร้องทุกข์และรับฟังปัญหาจากหญิงชาวจีนตั้งแต่ปี 2547 ระบุว่า ปีหนึ่งทางศูนย์จะได้รับเรื่องร้องเรียนสตรีถูกสามีทำร้าย ตกปีละ 1,000 ราย
หู จื้อหมิง ผู้อำนวยการศูนย์เมเปิ้ล กล่าวว่า ในสังคมจีน ผู้ชายถือตนเป็นใหญ่ทั้งในบ้านและนอกบ้าน ส่วนผู้หญิงต้องอดทน เมื่อเกิดความรุนแรง ฝ่ายหญิงจึงทนเก็บความเจ็บปวดไว้
นายหู กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่ภาวะเศรษฐกิจ ฝืดเคืองตอนนี้ยิ่งน่าวิตก เพราะผู้คนตกงาน และเต็มไปด้วยความเครียดนั้น หัวหน้าครอบครัวอาจมาระบายความเครียดกับคนในบ้านมากขึ้น