พาณิชย์ตามบีบสินค้าลดราคา

นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ จะเรียกผู้ผลิตสินค้ายางรถยนต์ แบตเตอรี่ เม็ดพลาสติก ถุงพลาสติก สายไฟฟ้า และน้ำมันถั่วเหลือง

มาหารือเพื่อขอให้มีการปรับลดราคาลง เนื่องจากผลการวิเคราะห์ตามสถานการณ์วัตถุดิบในขณะนี้พบว่าเป็นกลุ่มสินค้าที่น่าจะปรับลดราคาได้อีก ซึ่งเป็นไปตาม นโยบายของนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ ที่ขอให้มีการพิจารณาสินค้ารายการอื่น ๆ นอกเหนือจากที่กรมฯ ได้ขอความร่วมมือให้ปรับลดราคาลงแล้ว เช่น เหล็ก น้ำมันปาล์ม ปุ๋ยเคมี และอาหารสัตว์
 
“ตอนนี้สถานการณ์ด้านต้นทุน ทั้งด้านราคาวัตถุดิบ ค่าใช้จ่ายในการจำหน่าย และ  ค่าขนส่งลดลงจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลง ทำให้ต้นทุนสินค้าลดลง ซึ่งกรมฯ จะขอให้ผู้ประกอบการปรับลดราคาจำหน่ายสินค้าลงตามภาวะต้นทุนเพื่อลดภาระค่าครองชีพ และให้เกิดความเป็นธรรมกับประชาชน”
 
ก่อนหน้านี้ กรมฯ ได้ขอความร่วมมือ ให้สินค้าปรับลดราคาลงแล้ว ได้แก่ เหล็กเส้นและเหล็กแผ่น ลง กก.ละ 14 บาท หรือตันละ 14,000 บาท

ส่งผลให้ราคาเหล็กเส้นลดลงเหลือตันละ 28,950 บาท และเหล็กแผ่นเหลือตันละ 30,500 บาท น้ำมันปาล์ม ขอให้ปรับราคาลงจากขวดลิตรละ 47.50 บาท เหลือ 38 บาท ปุ๋ยเคมี เช่น ปุ๋ยยางพาราและปาล์ม ลดลง 5-10% ปุ๋ยข้าวลดลง 15-20% ปุ๋ยพืชไร่ ลดลง 20-25% และอาหารสัตว์บก ลดลง 3-5%
 
นายยรรยง กล่าวว่า ได้เจรจาขอความร่วมมือให้ผู้ผลิตแผ่นเหล็กที่ใช้ทำกระป๋องบรรจุอาหาร (ทินเพลต) ปรับราคาผลิตกระป๋องให้ เร็วขึ้น

จากเดิมเดือน ม.ค. 52 เป็นเดือน ธ.ค. 51 แทน เพื่อลดต้นทุนการผลิตแก่อุตสาหกรรมเครื่องกระป๋อง ทั้งผลไม้ ปลาทูน่า ที่กำลังประสบปัญหาต้นทุน สภาพคล่อง ยอดขาย จนกระทบต่อเกษตรกรไทย ทั้งนี้โรงงานผลิตกระป๋อง และโรงงานผลิตเหล็กแผ่น จะรายงานผลการลดราคาให้  กรมฯ รับทราบในวันที่ 25 พ.ย.นี้ เพราะกระป๋อง เหล็กถือเป็นต้นทุนสำคัญถึง 20% ของราคาสินค้า หากลดลงได้จะช่วยให้ต้นทุนราคาขาย ถูกลง และส่งออกได้มากขึ้น เพราะขณะนี้ ยอดส่งออกชะลอตัวลงมาก หลังชาวยุโรปหันไปบริโภคผลไม้ภายในแทน ถ้าเป็นเช่นนี้จะกระทบเป็นลูกโซ่ให้โรงงานผลิตผลไม้กระป๋องขอรับซื้อผลไม้จากเกษตรกรน้อยลง จนทำให้เกิดปัญหาราคาตกต่ำ
 
ส่วนการหารือปรับลดค่าธรรมเนียมขนส่งสินค้าทางเรือ พบว่ามี 2 บริษัท ที่ยังปรับขึ้นค่าเอกสาร และค่าภาระหน้าท่าอยู่ ซึ่งจะเรียกมาหารือขอปรับลดในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้หากพบว่าเป็นการคิดค่าบริการที่ไม่เป็นธรรม กระทรวงจะพิจารณาเป็นบัญชีเป็นบริการควบคุม และต้องรายงาน หรือขออนุญาตก่อนขึ้นค่าบริการ รวมถึงอาจกำหนดค่าบริการสูงสุดด้วย.