ภาคใต้ยังอ่วมฝนตกหนักในหลายพื้นที่สุราษฎร์ธานี นครศรีฯ พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส น้ำท่วมเป็นวงกว้าง "สุราษฎร์ฯ"น้ำป่าซัดถล่มหมู่บ้านกลางดึก ต้องระดมหน่วยกู้ภัยอพยพชาวบ้านโกลาหล แม่เฒ่าวัย 94 สังเวยชีวิตไปกับกระแสน้ำ "ดิสธร วัชโรทัย" นำสิ่งของพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ "พัทลุง"ก็หนักเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก "เมืองคอน"เด็กชายวัย 7 ขวบ ลงไปเล่นน้ำที่เขื่อนริมคลองท่าแพจมไปกับกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก
เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก ฉบับที่ 6 ออกประกาศเตือน เรื่อง ฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกยังคงมีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และจ.นราธิวาส ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัย ระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากต่อไปอีก 1-2 วัน คลื่นลมในอ่าวไทยมีความสูง 2-3 เมตร เรือเล็กงดออกจากฝั่งในช่วง 22-23 พ.ย.
รายงานข่าวจากฝนที่ตกหนักติดต่อกันเป็นวันที่สาม ทำให้น้ำท่วมที่สี่แยกพะวงสูงประมาณ 1 เมตร รถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ทำให้รถทุกชนิดวิ่งระหว่างอ.หาดใหญ่-สงขลา ติดนับร้อยๆ คันเป็นเวลานาน 4 ช.ม. สาเหตุน้ำจากเขาเทียมดา อ.เมือง จ.สงขลา ไหลลงสู่ที่ลุ่มในปริมาณมาก ทำให้น้ำไม่สามารถระบายลงคลองวงและทะเลสาบสงขลาได้ทัน เนื่องจากคลองน้ำกระจายซึ่งเป็นคลองสายเดียวที่ใช้ระบายน้ำสาธารณะ มีการถมดินเพื่อก่อสร้างถนนคลองแคบลง
เวลา 02.00 น. ที่จ.สุราษฎร์ธานี น้ำป่าที่ลดระดับท่วมจากพื้นที่อ.วิภาวดี มีกระแสน้ำไหลเชี่ยวบ่าเข้าท่วมพื้นที่ตอนล่างบริเวณบ้านควนสุวรรณ ช่วงริมถ.ทางหลวงเอเชีย 41 ท้องที่หมู่ 6, 3 และหมู่ 8 ต.คลองไทร อ.ท่าฉาง ส่งผลให้โรงเรียนบ้านควนสุวรรณและบ้านเรือนประมาณ 100 ครัวเรือน มีระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร และเจ้าของบ้านขนทรัพย์สินสิ่งของรถยนต์ รถจักรยานยนต์ออกไม่ทันจมน้ำจำนวนมาก อบต.คลองไทร ตั้งจุดรับอพยพไว้ 2 แห่ง ที่ร.ร.บ้านควนสุวรรณ และศาลาหมู่ 6 ต.คลองไทร โดยมีประชาชนหลายสิบครัวเรือนอพยพมาอาศัยชั่วคราวและบางส่วนกางเต็นท์พักอยู่ริมถนนสายเอเชีย 41 มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานีประมาณ 100 นาย เข้าช่วยเหลือเคลื่อนย้ายทรัพย์และอพยพคน
ทั้งนี้ ถนนสายล่างช่วงอ.พุนพิน-อ.ท่าฉาง มีน้ำท่วมสูงกว่า 50 ซ.ม. ระยะทางยาวกว่า 5 กิโลเมตร รถจักรยานยนต์และรถยนต์เล็กผ่านยากลำบาก บ้านเรือน 2 ข้างทางถูกท่วมขังจำนวนมาก และที่บ้านเลขที่ 173 หมู่ 3 ต.ท่าเคย อ.ท่าฉาง บริเวณด้านหลังอบต.ท่าเคย นางเอี่ยม ผุดแจ่มใส อายุ 94 ปี พลัดตกบ้านจมน้ำเสียชีวิต
นางน่วย กู้เมือง อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114/1 ม.6 ต.คลองไทร อ.ท่าฉาง กล่าวว่า น้ำป่ามากลางดึกจนขนของออกไม่ทัน ซึ่งปีนี้ท่วมสูงกว่าทุกปีที่ผ่านมาจนรถเก๋ง รถจักรยานยนต์ และเครื่องครัวจมน้ำหมด ต้องย้ายไปทำอาหารบนชั้น 2 ชาวบ้านพูดกันว่าทางเขื่อนรัชชประภา ที่อ.บ้านตาขุน ปล่อยน้ำลงมาจึงทำให้น้ำลงมาท่วมเร็ว
นายพงศ์ศักดิ์ ผลพฤกษ์ ผู้ช่วยผอ.เขื่อนรัชชประภา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ได้หยุดการเดินเครื่องชั่วคราวจึงไม่ได้ปล่อยน้ำออกมา เนื่องจากเกรงจะมีผลกระทบกับชาวบ้านที่อยู่ตอนล่างที่มีปริมาณน้ำมากอยู่แล้ว โดยขณะนี้มีน้ำเหนือเขื่อนอยู่ที่ระดับ 89.31 เมตร ปริมาณ 4,621 ล้านลบ.ม. ซึ่งสามารถรับได้เต็มที่สูง 95 เมตร หรือปริมาณ 5,643 ล้านลบ.ม. ซึ่งยังรองรับได้อีกกว่า 1,000 ล้านลบ.ม. จึงไม่จำเป็นต้องปล่อยน้ำออกมา
เวลา 10.00 น. ที่วัดนาชะอม ม.3 ต.ท่ากระดาน อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี นายดิสธร วัชโรทัย ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมคณะ นำเครื่องอุปโภคบริโภคพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจำนวน 1,000 ชุดไปมอบแก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่อ.คีรีรัฐนิคม ซึ่งมีพื้นที่ถูกน้ำท่วมในบริเวณที่ลุ่มริมคลองยันและคลองพุมดวงจำนวน 5 ตำบล 34 หมู่บ้าน มีผู้ได้รับความเดือดร้อน 1,400 ครัวเรือน จำนวน 5,200 คน ถนนเสียหาย 19 สาย สะพาน 4 แห่ง มูลค่าเสียหายประมาณ 20 ล้านบาท
เวลา 13.00 น.วันเดียวกัน นายดิสธร พร้อมคณะ มอบเครื่องอุปโภคบริโภคพระราชทานให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่อ.วิภาวดี จำนวน 500 ชุด ที่สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลตะกุกใต้ ซึ่งมีพื้นที่ถูกน้ำท่วมใน 2 ตำบล 28 หมู่บ้าน ผู้ได้รับความเดือนร้อนประมาณ 500 ครัวเรือน ล่าสุดในพื้นที่ทั้ง 2 อำเภอฝนหยุดตกลงบ้างแล้ว แต่ยังมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่ม หากไม่มีฝนตกหนักลงมาซ้ำสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติใน 2-3 วันนี้
ที่จ.พัทลุง หลังจากเกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ล่าสุดน้ำในลำคลองสายใหญ่ๆ ที่ติดต่อกับเทือกเขาบรรทัดได้ไหลลงที่ราบลุ่ม และน้ำในลำคลองมีปริมาณเพิ่มขึ้นสูงและไหลแรง บางพื้นที่น้ำเอ่อล้นออกจากลำคลองเข้าท่วมพื้นที่นาของเกษตรกรได้รับความเสียหายอย่างมาก นายสุเทพ โกมลภมร ผวจ.พัทลุง กล่าวว่า สั่งเจ้าหน้าที่สำนัก งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพัทลุง และนายอำเภอตะโหมด, กงหรา, ศรีนครินทร์ และศรีบรรพต ซึ่งที่ตั้งอยู่ริมเทือกเขาบรรทัดเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง นับแต่นี้เป็นต้นไป เพื่อช่วยเหลืออพยพชาวบ้านได้ทันท่วงที หากเกิดเหตุการณ์ขึ้น พร้อมทั้งสั่งให้นายอำเภอเข้าสำรวจพื้นที่เสี่ยงภัยเป็นระยะๆ เนื่องจากในขณะนี้พื้นที่จ.พัทลุง มีฝนตก หนักต่อติดกันมาหลายวันโดยเฉพาะบริเวณเทือกเขาบรรทัดทำให้มีปริมาณน้ำสะสมบนภูเขาจำนวนมาก ซึ่งอาจจะเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มได้
ที่จ.ตรัง ว่าที่ร.ต.ตระกูล โทธรรม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง สั่งการให้เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยตรวจสอบสถานการณ์น้ำยังอ่างเก็บน้ำ และสถานีตรวจวัดน้ำต่างๆ หลังจากกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนภัย อันเนื่องมาจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ภาคใต้รวมทั้งจ.ตรัง มีฝนตกหนักเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ อาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเฉพาะตามแนวเทือกเขาบรรทัด เขตจ.ตรัง พัทลุง และนครศรีธรรมราช
จากการตรวจสอบสถานการณ์น้ำโดยทั่วไป ยังคงอยู่ในภาวะปกติ โดยสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำคลองท่างิ้ว อ.ห้วยยอด ระดับน้ำในอ่างอยู่ที่ 89.20 เมตร ต่ำกว่าระดับน้ำที่รับได้อยู่ที่ 11.80 เมตร ซึ่งยังสามารถรองรับน้ำได้อีกเป็นจำนวนมาก ส่วนปริมาณน้ำในแม่น้ำตรัง โดยที่สถานีตรวจวัดน้ำ X 56 ระดับน้ำอยู่ที่ 10.81 เมตร ซึ่งยังคงต่ำกว่าตลิ่ง 2.26 เมตร และที่สถานีตรวจวัดน้ำ X 234 ระดับน้ำอยู่ที่ 2.10 เมตร ยังคงต่ำกว่าตลิ่ง 2.84 เมตร นอกจากนั้นสถานการณ์น้ำที่คลองปะเหลียน ที่สถานีตรวจวัดน้ำ X 236 ระดับน้ำอยู่ที่ 1.24 เมตร ยังต่ำกว่าตลิ่ง 3.41 เมตร เพื่อความไม่ประมาทขอให้ประชาชนทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวังและติดตามการรายงานพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
ที่จ.สตูล นายสำเริง วงศ์มุณีวรณ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูล กล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งติดตามสภาวะอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่า ระยะนี้จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงในทะเลใกล้ประเทศไทย เคลื่อนตัวเข้ามาปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ของประเทศไทยเป็นระยะ ประกอบกับลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือปกคลุมอ่าวไทย ลักษณะดังกล่าวจะทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม ระหว่างวันที่ 21-25 พ.ย.จึงแจ้งเตือนให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะนี้ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ราบลุ่ม ที่ลาดเชิงเขาให้ระมัดระวังความเสียหายที่จะเกิดจากฝนตกหนัก ดินโคลนถล่ม และน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ พร้อมทั้งขอให้ติดตามข่าวพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา จากสถานีวิทยุกระจายเสียง วิทยุ โทรทัศน์ เสียงตามสาย และหอกระจายข่าวของหมู่บ้านด้วย ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของท่าน
เวลา 16.30 น. พ.ต.ต.สุทธิชัย ชัยรัตน์ สารวัตรเวร สภ.ย่อยปากพูน อ.เมือง นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุเด็กจมน้ำหายไปที่เขื่อนริมคลองท่าแพ ม.1 ต.ปากพูน จึงพร้อมด้วยนางเพ็ญศรี แก้วคุ้มภัย หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช นำนักประดาน้ำมูลนิธิใต้เต็กตึ๊งรุดไปให้การช่วยเหลืองมหาศพ เนื่องจากกระแสน้ำไหลเชี่ยวมาก ใช้เวลางมหาศพกว่า 2 ช.ม.ก็ไม่พบ
ต่อมาทราบว่าเด็กที่จมน้ำเสียชีวิต คือ ด.ช.ชาญชัย เรืองอ่อน อายุ 7 ขวบ อยู่บ้านเลขที่ 67 ม.1 ต.ปากพูน โดยเป็นนักเรียนชั้น ป.1 โรงเรียนไตรภูมิวิทยา ก่อนเกิดเหตุชวนเพื่อนรุ่นเดียวกันไปเล่นน้ำบริเวณที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ใกล้บ้าน โดยบอกเพื่อนว่าว่ายน้ำเป็น จึงกระโดดลงเล่นในที่น้ำลึกและเชี่ยวกราก ก่อนจะจมหายไปต่อหน้าต่อตาเพื่อน รวมมีผู้ประสบเหตุจมน้ำเสียชีวิตแล้ว 6 ราย ด.ช.ชาญชัยเป็นรายล่าสุด
วันเดียวกัน พ.ท.กฤษดา คงพันธ์ ผบ.ป.พัน 105 และพ.ท.ปองเชษฐ์ พูลช่วย ผช.ผบ.ป.พัน 105 ค่ายวชิราวุธ กองทัพภาคที่ 4 อ.เมืองนครศรีธรรมราช พร้อมกำลังพล นำถุงยังชีพของกองทัพบก จำนวน 100 ชุด ซึ่งภายในถุงบรรจุเครื่องอุปโภคบริโภค ใส่เรือท้องแบนออกไปแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่หมู่บ้านป่าไหม้ ม.1 ต.ท่างิ้ว โดยมีนายโชติ จิตรสามารถ ผญบ.ม.1 ต.ท่างิ้ว นำลูกบ้านเดินลุยน้ำท่วมออกมารับถุงยังชีพดังกล่าว