ใต้วิปโยค! น้ำป่าซัดถล่ม 2 แม่ลูกดับ

เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เกิดฝนตกหนักในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง อ.วิภาวดี วัดปริมาณน้ำฝนได้ถึง 254 มม. ทำให้น้ำป่าไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ 4 อำเภอคือ อ.วิภาวดี อ.คีรีรัฐนิคม อ.ท่าฉาง และ อ.ไชยา โดยเฉพาะที่บ้านคลองมุย หมู่ 13 ต.ตะกุกเหนือ อ.วิภาวดี น้ำป่าซัดถล่มบ้านเลขที่ 104/6 พังเสียหายทั้งหลัง

เป็นเหตุให้นายอนุสรณ์ วีระศักดิ์ อายุ 27 ปี ได้รับบาดเจ็บขาหัก ขณะที่นางอุษา แก้วเนียม อายุ 27 ปี และ ด.ช.กิตติพงษ์ วีระศักดิ์ อายุ 11 เดือน ภรรยาและลูกชายของนายอนุสรณ์ถูกกระแสน้ำซัดหายไป ชาวบ้านช่วยกันงมหากระทั่งเจอศพนางอุษา แต่ไม่พบร่าง ด.ช.กิตติพงษ์ ซึ่งคาดว่าน่าจะเสียชีวิตเช่นเดียวกัน  
ส่วนที่ ต.ตะกุกใต้ อ.วิภาวดี ถูกน้ำท่วมทั้งหมด 14 หมู่บ้าน ระดับน้ำสูงถึง 3 เมตร นอกจากนี้ น้ำป่าได้ไหลเซาะสะพานบ้านคลองเหง หมู่ 3 ต.น้ำหัก อ.คีรีรัฐนิคม ซึ่งเป็นสะพานสายหลักเชื่อมกับหมู่ 3 ต.ตะกุกใต้ อ.วิภาวดี ทำให้คอสะพานขาดกว้างถึง 2 เมตร รถทุกชนิดไม่สามารถวิ่งผ่านได้ ชาวบ้านต้องทำบันไดลิงปีนป่ายข้ามไปมาชั่วคราว ทั้งนี้ นายประเสริฐ จิตมุ่ง นายอำเภอวิภาวดี กล่าวว่า ได้ประสานทหารค่ายวิภาวดีรังสิตเข้าไปช่วยค้นหาผู้สูญหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม รวมทั้งขอเครื่องจักรกลจากหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 46 เข้าไปช่วยในพื้นที่แล้ว 

ขณะเดียวกัน น้ำป่าไหลท่วมถนนทางหลวงสายสุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช ช่วงหลัก กม.ที่ 40-43 บ้านทุ่งนางลิง หมู่ 7 ต.พลายวาส อ.กาญจนดิษฐ์ ระดับน้ำสูงกว่า 70 ซม. และท่วมบ้านเรือนริมถนน

ส่วนถนนสายสุราษฎร์ธานี-พุนพิน บริเวณหมู่บ้านเนินเขา ต.วัดประดู่ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ถูกดินภูเขาสไลด์ตัวลงมาปิดถนนเป็นระยะทางประมาณ 200 เมตร จนต้องปิดการจราจรฝั่งขาออกนอกเมือง 1 ช่องทาง ขณะที่ถนนสายเลี่ยงเมืองสุราษฎร์ธานี-กาญจนดิษฐ์ ตรงข้ามหมู่บ้านสายบายพาส ต.บางกุ้ง มีน้ำท่วมขังประมาณ 30-50 ซม. เป็นระยะทาง 1 กม. 
ที่ จ.นครศรีธรรมราช มีฝนตกหนักตลอดทั้งคืนวันที่ 21 พ.ย. ส่งผลให้พื้นที่รอบเขตเทือกเขาหลวง นครศรีธรรมราช ประกอบด้วย อ.ฉวาง อ.พิปูน อ.ช้างกลาง อ.ลานสกา อ.พรหมคีรี อ.ถ้ำพรรณรา และ อ.นาบอน ที่ถูกน้ำป่าไหลท่วมมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีกและขยายวงกว้างมากขึ้น เฉลี่ย 80 ซม.-1 เมตร บางพื้นที่สูงถึง 1.5 เมตร ส่วนพื้นที่เขตลุ่มน้ำปากพนังมีฝนตกหนักและเกิดน้ำท่วมฉับพลันใน ต.ท้องลำเจียก ต.บ้านเนิน ต.ท่าขนาน ต.การะเกด อ.เชียรใหญ่ รวมทั้งที่ อ.ปากพนัง กองทัพภาคที่ 4 นำโดย พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่  4  นำเรือท้องแบนและรถยีเอ็มซีไปช่วยอพยพชาวบ้าน ต.เกาะทวด ที่ถูกน้ำท่วมหนัก

ขณะที่เขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช  ได้รับผลกระทบจากน้ำป่าบริเวณเทือกเขาสูงพื้นที่ทางตะวันตกของตัวเมือง ทำให้เกิดน้ำท่วมเช่นเดียวกัน

จุดที่หนักที่สุดคือชุมชนสะพานยาว ชุมชนศรีทวี ชุมชนย่านสถานีรถไฟนครศรีธรรมราช ชุมชนรามราชท้ายน้ำ ชุมชนมะขาม ชุมชนโพธิ์เสด็จ และชุมชนบ่อทรัพย์ โรงเรียนในเขตเทศบาลปิดการเรียนการสอนทั้งหมด ทั้งนี้ นายสมนึก เกตุชาติ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครนครศรีธรรมราช สั่งเร่งเดินเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ทั้ง 6 ตัว เพื่อระบายน้ำออก 
นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผวจ.นครศรีธรรมราช เผยว่า ศูนย์ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช สรุปสถานการณ์ อุทกภัยเมื่อวันที่ 21 พ.ย. ว่า ล่าสุดมีพื้นที่ประสบภัยมากถึง 17 อำเภอ 119 ตำบล 754 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อนประมาณ 150,000 คน พื้นที่ทางการเกษตร บ่อปลา บ่อกุ้ง เสียหายกว่า 2 แสนไร่ และสิ่งสาธารณประโยชน์อีกมากมาย มูลค่าความเสียหายกว่า 210 ล้านบาทแล้ว ส่วนยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 5 รายแล้ว โดยได้ประกาศให้ 17 อำเภอที่ประสบอุทกภัยเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว

ขณะเดียวกัน เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 21 พ.ย. สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช ออกประกาศเตือนผ่านสถานีวิทยุต่างๆในจังหวัด

ให้ประชาชนที่อยู่ในเขตพื้นที่เทือกเขาหลวงระมัดระวังน้ำป่าและภาวะดินถล่มในคืนนี้ หลังจากปริมาณน้ำบนภูเขามีจำนวนมากเกินกว่าที่พื้นที่บนภูเขาจะรับไว้ได้ ทั้งนี้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดได้ ประสานไปยังหน่วยบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ให้อพยพประชาชนที่อยู่ในจุดล่อแหลมไปอยู่ในที่ปลอดภัยอย่างเร่งด่วนแล้ว

ที่ จ.ปัตตานี ยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้พื้นที่บ้านปาตา และบ้านดาโต๊ะ อ.ดาโต๊ะ อ.ยะหริ่ง ซึ่งเป็นที่ราบลุ่มไม่สามารถระบายน้ำออกได้ ทำให้มีน้ำท่วมขังราว 30 ซม. การสัญจรของประชาชนทั้ง 2 หมู่บ้านยากลำบาก ขณะที่ถนนเลียบชายทะเลระหว่าง อ.ยะหริ่ง กับ อ.ปะนาเระ ถูกคลื่นลมแรงซัดเข้าหาฝั่งทำให้ถนนช่วงหมู่ 4 บ้านคลองต่ำ ต.ปะนาเระ ถูกน้ำทะเลเซาะขาดหายไปเกือบครึ่งถนน เป็นระยะทางถึง 500 เมตร รถทุกชนิดต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง  ที่ จ.ชุมพร นายดิสธร วัชรโรทัย รองเลขาธิการสำนักพระราชวัง และประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำถุงยังชีพพระราชทานไปมอบให้ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยที่ศาลาประชาคม อบต.ปังหวาน อ.พะโต๊ะ และที่ศาลาอเนกประสงค์ อ.ละแม ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดใกล้กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว จากการสำรวจมีพื้นที่ได้รับความเสียหาย 8 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ละแม อ.พะโต๊ะ อ.หลังสวน อ.ทุ่งตะโก อ.สวี อ.ปะทิว อ.ท่าแซะ และอ.เมืองชุมพร รวมพื้นที่ 55 ตำบล 465 หมู่บ้าน มูลค่าความเสียหายประมาณ 120 ล้านบาท


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์