ปตท.ตั้งกองทุน 2 หมื่นล้านดูแลราคาหุ้นบริษัทในเครือ หวั่นปัญหาเศรษฐกิจปีหน้ารุนแรงขึ้น ระบุทยอยซื้อหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 3 พันล้านเป็น 5 พันล้านบาทแล้ว แจงอาจใช้ไม่เต็มวงเงินขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ขณะที่ตลาดหุ้นดิ่งอีก 14 จุด ดัชนีหลุด 400 จุด
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
ปตท.ได้ตั้งกองทุนดูแลบริษัทในเครือวงเงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการซื้อหุ้นบริษัทในเครือคืนผ่านกองทุนด้านพลังงานที่มีอยู่ 2 กองทุน คือ กองทุนพลังงานปิโตรเคมี โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ปตท.ได้ทยอยซื้อหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 3,000 ล้านบาท เป็น 5,000 ล้านบาท แต่ก็ต้องระมัดระวังการใช้เงิน เพื่อไม่ให้กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท และต้องระมัดระวังสัดส่วนการถือหุ้น
"การซื้อหุ้นคืนเพื่อดูแลราคาหุ้นของบริษัทในเครือ เนื่องจากทุกฝ่ายมองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจปีหน้าจะรุนแรงและมีปัญหามากขึ้น ซึ่งการที่ปตท.ตั้งวงเงิน 20,000 ล้านบาทนั้น เป็นการวางกรอบไว้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าจะต้องใช้เงินดังกล่าวทั้งหมด“ นายประเสริฐกล่าว
นายชายน้อย เผื่อนโกสุม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
แนวโน้มธุรกิจโรงกลั่นในปีหน้าจะไม่ดีตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย อาจจะส่งผลให้บริษัทต้องพิจารณาปรับลดการกลั่นน้ำมันลง อย่างไรก็ตาม ต้นทุนของโรงกลั่นในประเทศยังได้เปรียบต่างประเทศ เพราะอยู่ที่ 1-2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ในต่างประเทศอยู่ที่ 3-4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลงแรงตามตลาดหุ้นดาวโจนส์ที่ดิ่งลงกว่า 400 จุด จนหลุดระดับ 8,000 ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยลงมาปิดตลาดที่ระดับ 393.85 จุด ลดลง 14.66 จุด หรือลดลง 3.59% มีปริมาณการซื้อขาย 8,901 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างประเทศยังคงขายสุทธิ 1,824 ล้านบาท สถาบันในประเทศขายสุทธิ 131 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 1,960 ล้านบาท
นางสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์เคทีบี ให้ความเห็นว่า
ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงตามดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี และลดลงต่ำกว่าระดับ 8,000 จุด ซึ่งเป็นสัญญาณอันตราย อีกทั้งข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนตุลาคมลดลงมากที่สุดในรอบ 61 ปี ขณะที่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าปัญหาภาคการผลิตตกต่ำกำลังลุกลามเข้าสู่ประเทศไทยและอาจขยายวงกว้างต่อหลังจากนี้ ประกอบกับปัญหาการเมืองในประเทศเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น