นางสุมนา วงษ์กะพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า
ธนาคารไม่มีนโยบายปรับลดพนักงานขณะเดียวกัน ธนาคารได้รับพนักงานเพิ่มอีก 400-500 คน เพื่อรองรับกับการขยายงานในปีหน้า ที่เตรียมเปิดสาขาเพิ่มอีกอย่างน้อย 60 สาขา เน้นเปิดในห้างสรรพสินค้าและในพื้นที่ที่มีศักยภาพ เพื่อสนองนโยบายการเป็นคอนวิเนียนแบงก์ หรือธนาคารสะดวกซื้อ ปัจจุบันมีพนักงานทั่วประเทศกว่า 16,000 คน จากจำนวนสาขาที่มีอยู่กว่า 800 สาขา
"ปัจจุบันมีผู้สนใจสมัครงานผ่านเว็บไซต์ของธนาคารปีละกว่า 10,000 ราย ธนาคารได้คัดเลือกให้เหลือ 1,000 ราย ซึ่งในแต่ละปีมีการขยายสาขาก็ต้องเตรียมพนักงานเอาไว้รองรับประกอบกับมีพนักงานเกษียณอายุในปีหน้าไม่ต่ำกว่า 100 คน ทำให้ธนาคารจำเป็นต้องรับพนักงานทดแทน"
นางเยาวลักษณ์ พูลทอง ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านสื่อสารองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ธนาคารมีแผนการขยายธุรกิจในปีหน้า เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องรับพนักงานเพิ่ม โดยในปีหน้าธนาคารมีแผนรับพนักงานเพิ่มสุทธิ 500 คน เพื่อรองรับการขยายงานและการเปิดสาขา
โดยพนักงานที่รับเพิ่มนั้นส่วนใหญ่อยู่สาขาทำหน้าที่ในการขายผลิตภัณฑ์ สำหรับปีนี้ได้รับพนักงานเพิ่มมาแล้วประมาณ 1,000 คน ส่งผลให้ปัจจุบันมีพนักงานอยู่ที่ 9,700 คน
“แม้ว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะมีอัตราการเติบโตที่ลดลงแต่ก็ยังถือว่าเติบโตอยู่ ซึ่งแต่ละธนาคารก็ยังต้องขยายสินเชื่ออยู่ ในขณะที่ธนาคารก็มีแผนขยายธุรกิจจึงจำเป็นต้องรับพนักงานเพิ่มรองรับการเติบโต”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในด้านของธนาคารพาณิชย์ไทยส่วนใหญ่ เช่น ธนาคารกสิกรไทย ได้ประกาศรับพนักงานในปีหน้า มากกว่า 1,000 คน จากปัจจุบันมีอยู่ 13,500 คน เพื่อรองรับการขยายงานและรองรับการเปิดสาขาอีก 150 สาขา จากปัจจุบันมี 650 สาขา
ในขณะที่ธนาคารทหารไทย นั้นมีนโยบายที่ชัดเจนในการรุกตลาดรายย่อย หลังจากไอเอ็นจี ได้เข้ามาถือหุ้นใหญ่ จึงให้ความสำคัญกับการรับพนักงานฝ่ายขายที่สาขาจำนวนมาก ขณะที่คาดว่าธนาคารกรุงเทพก็คงปรับคนเพิ่มหลักพันคน เพื่อรองรับการเปิดสาขาใหม่และทดแทนพนักงานที่ลาออกและเกษียณอายุ
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า
ในปีหน้าธนาคารยังไม่มีแผนปรับลดจำนวนลงหรือปรับลดเงินเดือนพนักงานเหมือนธุรกิจอื่น เนื่องจากยังมีแผนขยายธุรกิจต่อเนื่อง จึงยังต้องรับพนักงานเพิ่มตามปกติ รวมทั้งจะต้องรับพนักงานใหม่เพื่อทดแทนพนักงานที่เกษียณอายุและลาออกไปด้วย ส่วนจะขยายเพิ่มเท่าไหร่นั้นต้องรอแผนธุรกิจที่ชัดเจนก่อน
ด้านนายต่อพันธุ์ ตู้จินดา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ธนาคารซิตี้แบงก์ (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงกรณีที่ซิตี้กรุ๊ป มีนโยบายปรับลดพนักงานทั่วโลก จำนวน 53,000 อัตรา ในส่วนของซิตี้แบงก์ประเทศไทย มีการปรับลดบ้าง แต่เป็นจำนวนที่น้อยมาก ปัจจุบันซิตี้แบงก์ประเทศไทยมีพนักงานประจำ และรวมพนักงานที่ว่าจ้างจากบริษัทบุคคลภายนอก (เอาท์ซอส) รวมแล้ว 2,500-2,600 อัตรา
ทั้งนี้ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ธนาคารมีนโยบายไม่รับพนักงานเพิ่ม ยกเว้นตำแหน่งที่มีความสำคัญ ซึ่งจากเดิมธนาคารมีการแยกสายงานออกเป็น 2 สายงานอิสระ แบ่งเป็นสายธุรกิจ และสายรายย่อย แต่นโยบายใหม่ได้รวม 2 สายงานเข้าด้วยกัน ทำให้มีตำแหน่งงานที่ซ้ำซ้อนเกิดขึ้น ซึ่งตำแหน่งงานที่ซ้ำซ้อน ได้เกลี่ยไปทำงานในหน่วยงานอื่นแทน
"ซิตี้แบงก์ในต่างประเทศที่ปรับลดลงมาก คือ อินเวสเมนท์แบงกิ้ง เนื่องจากยอดทำธุรกรรมได้ปรับตัวลดลง จำเป็นต้องปรับลดพนักงานลง ซึ่งหน่วยงานนี้ซิตี้แบงก์ในไทยไม่มี แต่มีที่ฮ่องกงและสิงคโปร์ เพราะฉะนั้นซิตี้แบงก์ไทยจึงไม่ถูกกระทบ”
ด้านโฆษกของธนาคารเอชเอสบีซีประจำประเทศไทย ได้ระบุว่า
ธนาคารเป็นเพียงแค่สาขาเท่านั้น โดยปีหน้าได้เพิ่มความระมัดระวังในการรับพนักงานมากขึ้นเพราะมองว่า เศรษฐกิจโลกจะถดถอย หากรับพนักงานเพิ่มก็จะรับในฝ่ายที่จำเป็นเท่านั้น ณ ปัจจุบันธนาคารมีพนักงาน 1,024 คน