นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า
วิกฤติเศรษฐกิจโลกจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยอย่างรุนแรงปีหน้า โดยเฉพาะในตลาดหลักทั้งสหรัฐฯ สหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่น ซึ่งมีสัดส่วน 36% ของยอดส่งออกรวมจะมียอดส่งออกติดลบ 5.1% และทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไป 3 ตลาดนี้ลดลงจากปีนี้ถึง 112,562 ล้านบาท
ทั้งนี้ แยกเป็นการส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ ลดลง 8.9% มูลค่า 62,802 ล้านบาท ภายใต้การเติบโตเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ติดลบ 0.7% ส่งออกไปอียูลดลง 4.3% มูลค่า 34,473 ล้านบาท จากเศรษฐกิจที่ติดลบ 0.5% และส่งออกญี่ปุ่นลดลง 2.1% มูลค่า 15,287 ล้านบาท จากเศรษฐกิจที่ติดลบ 0.2% สินค้าที่จะได้รับผลกระทบได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ รถยนต์ แผงวงจร เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม อัญมณีเครื่องประดับ รองเท้า เป็นต้น ขณะที่ภาพรวมการส่งออกไทยในปีหน้าจะเติบโตไม่เกิน 5% ซึ่งน้อยกว่าปีนี้ที่เติบโตถึง 20% บนสมมติฐานค่าเงินบาท 34-35 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ น้ำมันดิบ 60-70 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และเศรษฐกิจไทยขยายตัว 4% แต่หากเลวร้ายกว่านี้ การส่งออกจะชะลอตัวได้อีก
นายอัทธ์กล่าวว่า
เอกชนต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดดอกเบี้ยลง 0.5-1% ลดภาษีเงินได้นิติบุคคล แก้ไขปัญหาสภาพคล่องของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอส เอ็มอี) เพิ่มการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะการผ่อนผันให้นำสินค้าคงคลังมาเป็นหลักประกันเงินกู้แทน รวมถึงการสนับสนุนการส่งออกไปตลาดใหม่ ส่วนภาคเอกชนควรพยายามใช้ประโยชน์จากการลดภาษีภายใต้กรอบความตกลงเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) มากขึ้น.