ห่วง4ธุรกิจถังแตกรัฐเร่งเติมเงิน โอฬารถก17ขุนพลระดมกึ๋นรับมือวิกฤติเศรษฐกิจ

"โอฬาร" หารือ 17 ขุนพลที่ปรึกษาเศรษฐกิจรับมือวิกฤติเศรษฐกิจ เร่งแก้ปัญหาสภาพคล่อง 4 ธุรกิจสำคัญ ดึงทุนจีนเข้ามาลงทุนในไทย หอการค้าฯ ชี้หากเศรษฐกิจตลาดส่งออกหลัก 3 แห่งจีดีพีติดลบ 1% มูลค่าส่งออกไทยวูบแสนล้าน


 ดร.โอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิเป็นนัดแรก

หลังจากมีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจำนวน 17 คน เมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อระดมความคิดเห็นในการรับมือภาวะเศรษฐกิจ ว่าที่ปรึกษาได้เสนอให้เพิ่มเติมการดำเนิน 6 มาตรการ และหารือประเด็นการขาดสภาพคล่องของธุรกิจบางสาขา โดยเฉพาะ 4 สาขาสำคัญ ได้แก่
 
1.ธุรกิจที่เกี่ยวกับการเย็บเสื้อผ้าเหมาโหล
 
2.ภาคการเคหะ

3.ธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว และ

4.ธุรกิจที่ได้รับความเสียหายจากคลื่นสึนามิ ซึ่งภาครัฐต้องกำหนดมาตรการให้ช่วยเหลือด้านสภาพคล่องให้แก่ทั้ง 4 สาขานี้โดยเร็ว


 ดร.โอฬารกล่าวด้วยว่า

 
คณะที่ปรึกษายังเสนอให้รัฐบาลหารือกับรัฐบาลจีน เพื่อรัฐบาลจีนสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการจีนมาลงทุนในไทย และเสนอให้รัฐบาลเชิญชวนให้บริษัทขนส่งระดับโลกมาตั้งศูนย์ขนส่งและกระจายสินค้าที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อทำให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นศูนย์กลางการขนส่งในภูมิภาคนี้ อีกทั้งยังประเมินการเติบโตเศรษฐกิจปีหน้าของไทยและของโลก เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะโต 4%


 นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย ระบุว่า

ปัจจุบันสถาบันการเงินมีการปล่อยสินเชื่อตามปกติ แต่ในบางกรณีที่ลูกค้าไม่สามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินได้ เป็นเพราะตัวลูกค้าไม่มีคุณภาพ หากปล่อยสินเชื่อให้ไปเกรงว่าจะเป็นหนี้เสียได้


 ขณะที่ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า

หากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่เป็นตลาดหลักของไทย ได้แก่ เศรษฐกิจสหรัฐ เศรษฐกิจญี่ปุ่น และเศรษฐกิจสหภาพยุโรป ติดลบ 1% จะทำให้ภาคส่งออกของไทยมีมูลค่าลดลง 112,562 ล้านบาท โดยกลุ่มสินค้าไทยที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบสูงสุด คือ กลุ่มอุตสาหกรรม เช่น สินค้าประมง เกษตร เหมืองแร่ ป่าไม้ และอื่นๆ อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมตลาดหลักของไทยจะมีแนวโน้มลดลง แต่ยังคาดหวังจากแนวทางการเจาะตลาดใหม่ๆ ทดแทน


 "เบื้องต้นศูนย์ยังมองว่าปีหน้าการส่งออกของไทยยังไม่ถึงขั้นติดลบ เนื่องจากแนวทางการเจาะตลาดใหม่ยังเป็นสิ่งจำเป็นที่ภาครัฐและเอกชนจะต้องร่วมมือกัน จึงเชื่อว่าตัวเลขส่งออกปี 2552 อาจจะขยายตัวต่ำกว่า 5%" ดร.อัทธ์กล่าว


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์