เอพีรายงานวันที่ 18 พ.ย. ว่า สำนักงานอาหารและยาสหรัฐอเมริกา สั่งตรวจสอบความปลอดภัยผลิตภัณฑ์ฉีดใบหน้าเพื่อลบริ้วรอยเหี่ยวย่น
ฉีดเพื่อเสริมริมฝีปากให้อวบอิ่ม ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในกลุ่มสตรีที่ปรารถนาชะลอวัย ทั้งที่สารที่ใช้ฉีดเข้าไปนั้นอาจไม่ผ่านการทดสอบ หรืออนุมัติอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ที่ชาวเอเชียและละตินนิยมฉีดเพื่อให้ผิวขาวขึ้นอีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก
ดร.สกอต สเปียร์ ผู้เชี่ยวชาญการทำศัลยกรรมพลาสติกในกรุงวอชิงตัน กล่าวว่า ปัญหาก็คือ สารที่ฉีดเข้าไปในใบหน้าเหล่านี้อยู่ในมือแพทย์แล้ว
แม้สารส่วนใหญ่นี้ปลอดภัย แต่กลับไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าจะต้องใช้อย่างไร หรือฉีดตรงไหน ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะใช้ผิดพลาด สำหรับสารฉีดเพื่อลบริ้วรอยต่างจากโบท็อกซ์ ที่มาจากพิษ เพื่อให้เกิดปฏิกิริยากับกล้ามเนื้อบนใบหน้า แต่สารลบริ้วรอยเหมือนกับผงยิปซัมชีวภาพ เพียงใช้ฉีดเข้าไปในใบหน้า นับจากปี 2546 ที่ผ่านมา มีคนไข้ 823 ราย ที่ร้องเรียนว่า เกิดปฏิกิริยาแพ้กับการใช้สารฉีดใบหน้า เกือบทั้งหมดเป็นสตรีอายุระหว่าง 50-60 ปี แม้ว่าส่วนใหญ่จะมีอาการแพ้เล็กน้อย แต่มีบางรายเผชิญปัญหารุนแรงที่ไม่คาดคิดกับใบหน้า ริมฝีปากและตา บางรายหน้าเสียโฉม และส่งผลต่อสาย ตา นอกจากนี้ 19 รายมีอาการแพ้อย่างหนัก หายใจติดขัด และ 12 ติดเชื้อ
ก่อนหน้านี้ สื่อมวลชนในเกาหลีใต้เพิ่งนำเสนอตัวอย่างของหญิงที่เสพติดศัลยกรรม ได้แก่ นางฮัง เมียวคู อายุ 48 ปี ที่ฉีดน้ำมันทำอาหารเข้าใบหน้า จนเสียโฉมหนัก
วันเดียวกัน รอยเตอร์รายงานเปิดตัว นางซื่อ ซานปา วัย 55 ปี หญิงชาวจีนที่ทำศัลยกรรมมาแล้วกว่า 40-50 ครั้ง นับตั้งแต่ปี 2528 โดยแทบนับครั้งไม่ได้ ทำตั้งแต่ลบรอยเหี่ยวย่น ดึงหนังตา ทำสันจมูก เหลาคาง ดูดไขมัน กระชับหน้าอก ฯลฯ จนตอนนี้เปิดธุรกิจศัลยกรรมในกรุงปักกิ่ง มีแพทย์และพยาบาลเกือบ 80 คน ขณะที่จีนมียอดผู้ทำศัลยกรรมตกปีละ 1 ล้านคน เงินไหลเวียนในอุตสาหกรรมนี้ 2,400 ล้านดอลลาร์