ขอเจียดงบพันล้านแก้ปัญหาตกงาน

นางอุไรวรรณ เทียนทอง รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า

ได้หารือกับนายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายก-รัฐมนตรี เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณ 1,536 ล้านบาท จากงบกลาง 100,000 ล้านบาทของรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหาการเลิกจ้างงานทั้งระบบ เพราะจากสถิติพบว่า ในช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค.51 ลูกจ้างทั่วประเทศถูกเลิกจ้างงานแล้ว 127,238 คน จากสถานประกอบการ 11,598 แห่ง หรือเฉลี่ยเดือนละ 15,905 คน และมีแนวโน้มเลิกจ้างเพิ่มอีก 5,338 คน จากสถานประกอบการ 15 แห่ง คาดว่า จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 19 พ.ย.นี้ด้วย

 “เงิน 1,536 ล้านบาท ไม่มากเลย เพียงแค่ 1.5% ของงบกลาง 100,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลอนุมัติไว้เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งกระทรวงจะนำไปใช้แก้ปัญหาการเลิกจ้างงานทั้งระบบ คาดว่าจะช่วยเหลือลูกจ้างไม่ให้ตกงานได้อย่างน้อยกว่า 60,000 คน ในจำนวนนี้เป็นการจ้างงานตามโครงการบัณฑิตอาสา 7,000 คน จึงขอให้ผู้ใช้แรงงานเบาใจได้ และยังได้สั่งการให้แรงงานจังหวัดทุกจังหวัดติดตามสถานการณ์จ้างงานอย่างใกล้ชิดไว้ด้วย”

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า
 
สศค.เตรียมนำเสนอร่าง พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ ให้นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง พิจารณาก่อนนำเสนอ ครม.ต่อไป โดยร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวคล้ายการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน คือ ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้น และช่วยเหลือด้านสภาพคล่อง โดยจะเปิดโอกาสให้นำทรัพย์สินอื่นๆมาใช้เป็นหลักประกันขอสินเชื่อได้ เช่น สินค้าคงคลัง วัตถุดิบ อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า หากรัฐบาลนำงบกลางปี 100,000 ล้านบาท ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดจะประคับประคองให้เศรษฐกิจไทยในปี 52 ขยายตัวได้ในกรอบ 3-4% ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดปัญหาการว่างงานเพิ่มขึ้นเหมือนที่หลายฝ่ายกังวล

“ปัจจุบันยังไม่เห็นสัญญาณร้ายแรงว่าจะเกิดการว่างงานเพิ่มมากขึ้นเหมือนวิกฤติปี 40 ที่มีการว่างงานสูงถึง 4.6% เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยตอนนั้นแย่ ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสูงถึง 8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เงินเฟ้อสูงถึง 8% แต่ปัจจุบันพื้นฐานเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งกว่ามาก ตัวเลขว่างงานปัจจุบันมี 1.4% หรือประมาณ 500,000 คน ของแรงงานทั้งหมด 35 ล้านคน”.