เทศกาลลอยกระทงในคืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ปีนี้ตรงกับวันที่ 12 พ.ย. บรรยากาศทั่วประเทศเต็มไปด้วยความคึกคัก ท่ามกลางสภาพอากาศที่เริ่มหนาวเย็นแล้ว
ชาวไทยต่างพร้อมใจกันนำกระทงออกไปลอยตามแม่น้ำลำคลองและแหล่งน้ำต่างๆ ถือเป็นประเพณีเก่าแก่ที่สืบทอดกันมายาวนานตามความเชื่อ เพื่อเป็นการขอขมาต่อพระแม่คงคา โดยใช้กระทงที่ประดิษฐ์จากวัสดุธรรมชาติ สามารถย่อยสลายได้เพื่อไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ขณะที่หน่วยงานราชการตามจังหวัดต่างๆ ก็ร่วมจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา พร้อมจัดกิจกรรมต่างๆให้ผู้มาร่วมงานได้เพลิดเพลิน ส่วนใหญ่ยังคงเน้นบรรยากาศย้อนยุคไทยโบราณ
เริ่มต้นที่ จ.สุโขทัย ที่ถือเป็นต้นกำเนิดเทศกาลลอยกระทง มีการจัดงานบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์ สุโขทัย ในช่วงบ่ายวันที่ 12 พ.ย.
ทางจังหวัดได้จัดขบวนอัญเชิญพระประทีปและกระทงพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่พระราชทานมาร่วมในงานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ ประจำปี 2551 ในขบวนประกอบด้วย ขบวนอัญเชิญพระประทีปและกระทงพระราชทาน ขบวนแห่ประเพณีวัฒนธรรม 9 อำเภอ กระทงใหญ่ กระทงเล็ก โคมชัก โคมแขวน พนมดอกไม้ ขบวนนางนพมาศ แห่จากประตูศาลปู่ผาดำเข้าไปภายในอุทยานฯ จากนั้นในช่วงค่ำมีการแสดงแสง สี เสียง ที่วัดมหาธาตุ มีพิธีเผาเทียน ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช กระทั่งเวลา 22.15 น. มีพิธีอัญเชิญพระประทีปและกระทงพระราชทานลงลอยเป็นปฐมฤกษ์ ที่สระน้ำวัดสระศรี (ตระพังตะกวน) พร้อมทั้งการแสดงพลุ ตะไล ไฟพะเนียง ทางจังหวัดสุโขทัยร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงานอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา เน้นบรรยากาศย้อนยุคไทยโบราณ โดยมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวชมบรรยากาศภายในงานเป็นจำนวนมาก
ส่วน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อเวลา 18.00 น. น.ส.จุฑาทิพย์ เจริญลาภ ผอ.ททท.สำนักงานพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับนางสมทรง พันธุ์เจริญวรกุล นายก อบจ.พระนครศรีอยุธยา
เปิดงานประเพณีลอยกระทงกรุงเก่า ประจำปี 2551 ที่บริเวณทุ่งภูเขาทอง ด้านข้างพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในงานมีการแสดงตำนานลอยกระทง การฟันดาบไทยโบราณ ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน การประกวดหนูน้อยนพมาศ และออกร้านจำหน่ายอาหารในบรรยากาศย้อนยุค ร่วมใจกันใช้กระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ คือ ใบตอง มันสำปะหลัง หรือขนมปัง ที่ย่อยสลายได้ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติหลั่งไหลมาร่วมงานจำนวนมาก นอกจากนี้ ตามวัดและสถานที่ราชการต่างๆ ที่ตั้งอยู่ริมน้ำ ต่างจัดงานลอยกระทงขึ้นเพื่อให้ชาวบ้านมาร่วมสืบสานประเพณีอันเก่าแก่งดงาม อาทิ ที่วัดพนัญเชิงวรวิหาร วัดกษัตราธิราชวรวิหาร มีประชาชนเดินทางไปเที่ยวจำนวนมาก
สำหรับบรรยากาศงานลอยกระทงในกรุงเทพมหานคร เป็นไปด้วยความคึกคัก มีการจัดงานตามสถานที่สำคัญและน่าสนใจหลายแห่ง
โดยเฉพาะริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ได้แก่ บริเวณสวนสาธารณะสันติชัยปราการ ถนนพระอาทิตย์ เขตพระนคร เต็มไปด้วยประชาชนทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไปรอชมความงดงามของเรือประดับไฟฟ้าที่ล่องลอยอยู่กลางลำน้ำเจ้าพระยาในยามค่ำคืน โดยในปีนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดงานลอยกระทงใช้ชื่อว่า “สีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง” เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. เป็นต้นมา ไฮไลต์ของงานอยู่ที่การจำลองประเพณีโบราณต่างๆเกี่ยวกับการลอยกระทงมาให้คนรุ่นหลังได้รับชม มีการจำหน่ายอาหารไทยนานาชนิด ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทยอยเดินทางไปตั้งแต่ช่วงเย็น นอกจากนี้ พ่อค้าแม่ค้าต่างพากันนำกระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาจำหน่าย เช่น กระทงที่ทำจากขนมปัง แป้งสาลี มันสำปะหลัง และซังข้าวโพด ที่ขาดไม่ได้ เห็นจะเป็นกระทงที่ทำมาจากต้นกล้วยและใบตอง สนนราคาตั้งแต่ใบละ 30-99 บาท
ที่ใต้สะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี สวนสาธารณะของ กทม.แห่งใหญ่ จุดที่สามารถมองเห็นความงดงามของสะพานแขวนสีทองข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างโดดเด่น
รวมทั้งเห็นการแห่ไหลเรือไฟในแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิด มีการจัดประกวดกระทงของนักเรียนในเขตกรุงเทพมหานครด้วย ประชาชนไปร่วมงานอย่างคับคั่ง โดยเฉพาะบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา บรรดาพ่อค้าแม่ค้านำกระทงที่ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ขนมปัง และกระทงจากกาบกล้วยมาวางจำหน่ายในราคาใบละ 40-50 บาท ได้รับความสนใจจากผู้ไปร่วมงานเป็นอย่างดี นอกจากนี้ พบว่ามีโคมลอยยี่เป็งจำหน่ายในราคาโคมละ 60 บาทด้วย ได้รับความสนใจพอสมควร โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและเทศกิจกระจายกำลังตรวจตราความเรียบร้อยภายในงานอย่างใกล้ชิด