"อย่าเพิ่งแตกตื่น"
นักวิชาการหลายฝ่ายออกมาเตือนสังคมไทยอย่าเพิ่ง "ตื่นตระหนก" จนเกินเหตุกับข่าวการพบผู้ป่วยติดไวรัสเอชไอวี/เอดส์ สายพันธุ์ "ซี" ในประเทศไทย ซึ่งตามปกติแล้วเชื้อตัวนี้จะพบใน "แอฟริกา" เท่านั้น พร้อมกับย้ำว่าสิ่งที่ควรทำคือเร่ง "ตื่นตัว" ศึกษาและวางแนวทางป้องกันที่ถูกต้อง
สถิติจากองค์กร "ยูเอ็นเอดส์" ของสหประชาชาติ ชี้ว่า ปัจจุบันทั่วโลกมีอัตราผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ 65 ล้านคน นับตั้งแต่ตรวจพบโรคนี้เป็นครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ.2524
ผู้ติดเชื้อเอชไอวีส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกา 24.5 ล้านคน รองลงมาคือเอเชีย 8.3 ล้านคน
สำหรับประเทศไทย การระบาดของเอดส์ลดลงตามลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้ชายวัยผู้ใหญ่และกลุ่มผู้ขายบริการทางเพศ แต่แนวโน้มที่น่าวิตก คือ มีคนรุ่นหนุ่มสาว-วัยรุ่นติดเอชไอวีมากขึ้น
สอดคล้องกับที่น.พ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า สถานการณ์ติดเชื้อเอดส์ในปัจจุบันพบว่า ยอดผู้ป่วยรายใหม่ลดลง แต่กลุ่มวัยรุ่น อายุ 15-24 ปี กลับพบว่ามีการติดเชื้อมากขึ้นถึงร้อยละ 8 คิดเป็น 30,000 คน จากผู้ติดเชื้อเอดส์ 370,000 คน
น.พ.ธวัช ย้ำว่า การข้ามสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสเอดส์ในไทยพบว่ามีการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง "เอ/อี บวกซี" ไม่ใช่สายพันธุ์ซีล้วนๆ ซึ่งขณะนี้พบเพียงรายเดียว เป็นผู้ป่วยเพศหญิง ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ความรุนแรงของโรคยังไม่พบว่าต่างจากผู้ป่วยไวรัสเอดส์สายพันธุ์อื่น และยังใช้วิธีรักษาเหมือนกัน โดยมีโรงพยาบาลศิริราชติดตามอาการอย่างใกล้ชิด