ดีทรอยต์ 4 พ.ย. – ยอดจำหน่ายรถยนต์ในสหรัฐเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาลดลงร้อยละ 32 แตะระดับต่ำที่สุดในรอบ 25 ปี สะท้อนว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ในตลาดสหรัฐยังมีแนวโน้มจะทรุดหนักลงอีก
ยอดจำหน่ายรถในสหรัฐได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารและสถาบันการเงินเข้มงวดเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อซื้อรถท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจแย่ลง ยอดจำหน่ายรถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็กในสหรัฐเมื่อเดือนตุลาคม อยู่ที่ 838,156 คัน เป็นยอดรายเดือนต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2527 และลดลงติดต่อกันมา 12 เดือนแล้ว
หลังจากเมื่อเดือนกันยายนยอดจำหน่ายต่ำกว่า 1 ล้านคัน เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี จึงมีโอกาสสูงที่ผู้ผลิตจะแข่งกันหั่นราคาขายในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ เพื่อขายรถรุ่นปี 2008 ให้หมด
จีเอ็ม ระบุว่า ยอดจำหน่ายเดือนตุลาคมต่อหัวประชากรถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยอดจำหน่ายรถในสหรัฐลดลงถ้วนหน้าตั้งแต่รถหรูราคาแพงไปจนถึงรถตลาดล่าง ลัมบอร์กินีและเบนลีย์ลดลงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 พอร์ชลดลงร้อยละ 50 จีเอ็มร้อยละ 45 เกียร้อยละ 39 ไครสเลอร์แอลแอลซี ร้อยละ 35 นิสสัน มอเตอร์ ร้อยละ 33 ฮุนได มอเตอร์ ร้อยละ 31 ฟอร์ด มอเตอร์ ร้อยละ 30 ฮอนด้า มอเตอร์ ร้อยละ 25 โตโยต้า มอเตอร์ ร้อยละ 23
ส่วนยอดจำหน่ายรถในยุโรปก็ลดลงไม่แพ้กัน ยอดจำหน่ายที่สเปนลดลงร้อยละ 40 และอิตาลีลดลงร้อยละ 19
นักวิเคราะห์ของเอ็ดมุนด์ส ดอทคอม ชี้ว่า ยอดจำหน่ายรถในสหรัฐอาจทรงตัวไปจนถึงสิ้นปีนี้ แต่กว่าจะฟื้นตัวจริง ๆ ต้องรอไปจนถึงปี 2553 เพราะผู้ซื้อจำนวนมากกำลังรอให้สถานการณ์ชัดเจนเสียก่อน