รัฐหมดทางหาเงินรับจำนำข้าว

นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง เปิดเผยภายหลังได้เรียกธนาคารเฉพาะกิจของรัฐและธนาคารพาณิชย์ที่รัฐถือหุ้นมาหารือเพื่อให้การสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 51/52 และผลผลิตทางการเกษตรในวงเงิน 110,000 ล้านบาท ว่า


โครงการรับจำนำถือเป็นนโยบายตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถรอดพ้นจากราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ จึงได้ตัดสินใจปรับเปลี่ยนรูปแบบของโครงสร้างแหล่งกู้ใหม่จากเดิมที่รัฐบาลจะใช้เงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพียงอย่างเดียว มาเป็นรัฐบาลกู้เงินโดยตรง โดยให้สำนัก งานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เป็นผู้กู้จากธนาคารเฉพาะกิจหรือธนาคารพาณิชย์ที่รัฐบาลถือหุ้น

สำหรับการที่กระทรวงการคลังเข้ามารับหนี้โดยตรงเพื่อพยุงราคาสินค้าเกษตรกรนั้น ยอมรับว่า


มีโอกาสขาดทุนแต่เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการระบายข้าวของกระทรวงพาณิชย์หากขายข้าวได้ราคาที่สูงกว่าราคารับจำนำก็กำไร หนี้ที่ก่อไว้ก็ไม่เป็นภาระต่องบประมาณที่ผ่านมาโครงการรับจำนำข้าวปี 47/48 เปิดรับจำนำข้าวตันละ 6,000-7,000 บาท มีจำนวน 2.1 ล้านตัน ขณะที่การรับจำนำข้าวนาปรังครั้งที่ผ่านมารับไว้ 2 ล้านตัน ราคาตันละ 14,000 บาท เมื่อเทียบกับราคาข้าวปัจจุบันที่ตันละ 11,000 บาท ถือว่า มีกำไร แต่กระทรวงพาณิชย์ก็พิจารณาวิธีและการบริหารการระบายข้าวให้ดีเพื่อให้รัฐบาลขาดทุนน้อยที่สุด


นายพงษ์ภานุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการ สบน. กล่าวว่า


จะมีธนาคารทั้งหมด 4 แห่ง เข้าร่วมโครงการนี้คือ ธนาคารออมสิน จะปล่อยกู้ 40,000 ล้านบาท ธนาคารกรุงไทย 40,000 ล้านบาท ธนาคารนครหลวงไทย 15,000 ล้านบาท และธนาคารทหารไทย 15,000 ล้านบาท รวมเป็น 110,000 ล้านบาท โดย สบน.จะออกตั๋วเงินสัญญาใช้เงินหรือพีเอ็น อายุ 1 ปี โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยที่ออกมีอัตราต่ำที่สุดเพื่อลดภาระของงบประมาณ


“โครงการนี้กระทรวงการคลังจะค้ำประกันพีเอ็น 100% เพื่อทำให้อัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดเนื่องจากการค้ำประกันดังกล่าวเท่ากับรัฐบาลได้รับภาระหนี้ก้อนนี้เข้ามาเป็นหนี้สาธารณะทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เงินจำนวน 110,000 ล้านบาท เป็นภาระจนส่งผลกระทบต่อทุนของธนาคารเฉพาะกิจมากเกินไป”


นายพงษ์ภานุกล่าวว่า

ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยที่หารือกันยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนแต่ สบน.ก็พยายามเจรจาต่อรองให้ต่ำที่สุดเพราะธนาคารทั้ง 4 แห่งเห็นตรงกันว่าจะปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ ลบ 2% ซึ่งปัจจุบันเอ็มแอลอาร์เฉลี่ยของธนาคารทั้ง 4 แห่งอยู่ที่ 7.25% ลบออกไป 2% อยู่ที่ประมาณ 5.25% แต่เนื่องจากโครงการนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลในการช่วยเหลือเกษตรกรจึงไม่ใช่หน้าที่ของ ธ.ก.ส.และธ.ก.ส.จะบวกค่าบริหารและค่าจัดการเพิ่มอีก 3% ทำให้กระทรวงการคลังอาจจะต้องจ่ายอัตราดอกเบี้ย 8-9% ต่อปี แต่ก็จะพยายามต่อรองอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำที่สุด


ส่วนการลงบันทึกบัญชีโครงการดังกล่าวในครั้งนี้จะทำในลักษณะที่พิเศษกว่าทุกปี กล่าวคือ

จะแยกบัญชีโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรออกจากบัญชีของ ธ.ก.ส.ทั้งในเรื่องของเงินทุนอัตราดอกเบี้ยและการตั้งสำรองหนี้เพื่อจัดชั้นหนี้สงสัยจะสูญเพื่อไม่ให้ภาระดังกล่าวส่งผลกระทบกับกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงหรือบีไอเอส จนทำให้ ธ.ก.ส.ต้องเพิ่มทุนโดยจะเสนอให้โครงการนี้เป็นการดำเนินงานเพื่อช่วยเหลือสังคมหรือพีแอสเอตามนโยบายของกระทรวง การคลัง


แต่วิธีการนี้จะทำให้ยอดหนี้สาธารณะที่ สบน.เพิ่มขึ้น 100,000 ล้านบาทจากปัจจุบัน 3.4 ล้านล้านบาท เป็นประมาณ 3.5 ล้านล้านบาท โดยงบปี 52 รัฐบาลมีกรอบวงเงินในการบริหารประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท โดยขณะนี้เป็นการกู้แล้ว 100,000 ล้านบาท จะต้องมีการรายงานให้รัฐสภารับทราบเพื่อให้เกิดการโปร่งใสต่อแผนการกู้เงินที่ใช้ช่วยเหลือเกษตรกร


ด้านนายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รองผู้จัดการในฐานะรักษาการผู้จัดการ ธ.ก.ส.กล่าวว่า
 
ธ.ก.ส.จะทำหน้าที่เป็นผู้จ่ายเงินจากการรับจำนำทั้งแบบใบประทวนจากองค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) และองค์การคลังสินค้า (อคส.) ที่จำนำผ่านโรงสีต่างๆ โดยจะคิดค่าบริหารจัดการอัตราดอกเบี้ย 3% แต่ถ้าบริหารจัดการผ่านการรับจำนำยุ้งฉางจะคิดอัตราดอกเบี้ย 4% โดยการรับจำนำดังกล่าวจะไม่สร้างภาระหนี้ให้กับ ธ.ก.ส.เหมือนช่วงที่ผ่านมา เพราะเป็นมติ ครม.สั่งให้แยกบัญชีชัดเจน ทำให้ ธ.ก.ส.ไม่ต้องมีภาระในการเพิ่มทุน โดยแนวทางดังกล่าวจะมีการเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า


“ที่ผ่านมา ธ.ก.ส.ต้องรับภาระเรื่องสภาพคล่องเพราะเป็นการนำสภาพคล่องของธนาคารไปปล่อยกู้อีกทอดหนึ่ง แต่ครั้งนี้กระทรวงการคลังเข้ามารับภาระหนี้ทำให้ ธ.ก.ส.และธนาคารที่เข้าร่วมโครงการไม่ต้องรับภาระเรื่องความเสียหายจากการรับจำนำเนื่องจากเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องดูแลราคาพืชผลทางการเกษตร”. 


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์