เมื่อ 2 พ.ย. เอเอฟพีรายงานสถานการณ์เลือกตั้งสหรัฐโค้งสุดท้ายว่า เหลือเวลาอีกเพียง 2 วันก่อนถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐวันที่ 4 พ.ย.
โพลหลายสำนักยังคงชี้ไปในทิศทางเดิมว่า นายบารัก โอบามา ตัวแทนพรรคเดโมแครตมีคะแนนนำนายจอห์น แม็กเคน ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ทั้งในระดับรัฐและทั่วประเทศ รวมทั้งในรัฐนอร์ทแคโรไลนาที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครตไม่เคยเอาชนะพรรครีพับลิกันมาเป็นเวลา 30 ปี
ผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์ ซีสแปน และ ซ็อกบี้ โพล ระบุว่า นายโอบามามีคะแนนนำนายแม็กเคนร้อยละ 50 ต่อ 44 แต่ทั้งคู่ก็สามารถเรียกคะแนนสนับสนุนจากกลุ่มฐานเสียงหลักของตนได้มากขึ้น
โดยนายโอบามาได้จากผู้หญิงและกลุ่มอิสระ ขณะที่นายแม็กเคนได้จากกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มอนุรักษนิยม
นายโอบามายังคงเรียกร้องให้ชาวอเมริกันเลือกตนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ เพราะไม่เพียงแต่เปิดโอกาสให้ตนชนะการเลือกตั้งเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้ตนเปลี่ยนแปลงประเทศและโลกอีกด้วย และเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่อันยิ่งใหญ่ของสหรัฐ
และโจมตีนายแม็กเคนว่า การเลือกนายแม็กเคนเท่ากับเป็นการยึดมั่นในนโยบายประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา
ด้านนายแม็กเคนเตือนชาวอเมริกันว่านโยบายของนายโอบามาเป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของสหรัฐ โดยล่าสุดรองประธานาธิบดีดิก เชนีย์ ได้ออกมาชื่นชมนายแม็กเคนว่า เป็นบุคคลที่ถูกต้องและเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำสหรัฐ เนื่องจากเป็นผู้เข้าใจถึงภัยอันตรายที่สหรัฐกำลังเผชิญอยู่