ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (28 ต.ค.)
มีมติเห็นชอบหลักการในร่างพระราชกฤษฎีกา...ตามข้อเสนอกระทรวงการคลังที่ให้ยืดเวลาการคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวนออกไป 3 ปี จากเดิมที่จะสิ้นสุดวันที่ 10 ส.ค. 2552 เป็นสิ้นสุดวันที่ 10 ส.ค. 2554 แม้ก่อนหน้านี้ นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะแสดงความไม่เห็นด้วยก็ตาม
การเปลี่ยนการคุ้มครองเงินฝากซึ่งเดิมทีจะคุ้มครองบัญชีเงินฝากเต็มจำนวน หรือ 100 เปอร์เซ็นต์
จนถึงวันที่ 10 ส.ค. 2552 ตาม พ.ร.บ.การจัดตั้งสถาบันคุ้มครองเงินฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีเจตนารมณ์ในการนำมาใช้แทนกองทุนพื้นการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เพื่อให้มีการยกเลิกการค้ำประกันเงินฝาก หากมีธนาคารพาณิชย์ล้มละลาย หรือต้องปิดกิจการ มีอันต้องขยายระยะเวลาการคุ้มครองออกไป 3 ปี ภายใต้เหตุผลของนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.กระทรวงการคลัง ที่ระบุว่า ต้องการสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ฝากเงินเช่นที่รัฐบาลกลางของหลายประเทศทั่วโลกประกาศให้การคุ้มครองเงินฝากเต็มตามจำนวน
ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกเพิ่มมากขึ้นในหมู่ผู้ฝากเงิน ท่ามกลางวิกฤติสถาบันการเงินที่ลุกลามไปทั่วโลก และส่งผลทำให้เศรษฐกิจโลกต้องถดถอย สำหรับ พ.ร.บ.ดังกล่าว เดิมกำหนดให้ปีแรก เงินฝากที่อยู่ในธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงิน จะได้รับการคุ้มครองเต็มจำนวน หลังจากนั้นในปีที่ 2, 3 และ 4 จะลดวงเงินคุ้มครองลงเหลือบัญชีละไม่เกิน 100 ล้านบาท,50 ล้านบาท และ 10 ล้านบาท โดยตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไป จะคุ้มครองเงินฝากไม่เกินบัญชีละ 1 ล้านบาทต่อสถาบันการเงิน