คลังเร่งแผนรับมือวิกฤติลามถึงไทย ปีหน้าเสี่ยงหนัก-ทีดีอาร์ไอจี้เมกะโปรเจกท์ลดคนตกงาน

คลังกังวลวิกฤติการเงินลามถึงภาคเศรษฐกิจ

เตรียมคลอดมาตรการรับมือทั้งระยะสั้นและระยะยาว มองปัญหาการว่างงานขณะนี้ยังไม่เสี่ยงมาก แต่หากปีหน้าเศรษฐกิจชะลอตัวกระทบแน่ ด้านทีดีอาร์ไอยอมรับปีหน้าคนเสี่ยงตกงานเยอะตามข้อมูล ส.อ.ท. เร่งรัฐลงทุนเมกะโปรเจกท์

 ดร.สมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า
 
ขณะนี้ สศค.ได้เตรียมมาตรการรองรับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจอย่างแน่นอนในระยะต่อไป โดยเฉพาะภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง
ดังนั้น มาตรการที่จะออกมาจะต้องเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพ ครอบคลุมเกือบทุกภาคส่วน ได้แก่ 1.มาตรการที่ฟื้นความเชื่อมั่น 2.กระตุ้นการลงทุน 3.เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และ 4.ขจัดปัญหาความยากจน


 “ผมได้สั่งให้ทีม สศค.ไปศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากวิกฤติการเงินโลก และประเมินถึงจุดอ่อนของเศรษฐกิจไทย เพื่อออกเป็นมาตรการทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว คาดว่า จะสรุปได้ในวันสองวันนี้ ก่อนเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้พิจารณา และหากมีโอกาสก็จะเสนอระหว่างการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ ที่มีรมว.การคลังเป็นประธานในวันพฤหัสบดีนี้” ดร.สมชัยกล่าวและว่า ปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจเริ่มมีมากขึ้นจากวิกฤติการเงินโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และประเมินว่า ผลกระทบต่อไทยจะต้องมีอย่างแน่นอน


ส่วนปัญหาการว่างงานนั้น สศค.คิดว่า
 
ยังไม่ใช่ปัญหาที่เป็นความเสี่ยงกับเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ เพราะอัตราเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัว แต่แนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวนั้น จะส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาการว่างงานอย่างแน่นอน แต่มาตรการที่จะออกมานั้น ก็จะช่วยแก้ปัญหาการว่างงานในภาพรวมได้ เพราะหากเศรษฐกิจฟื้นตัว ปัญหาการว่างงานก็จะลดลง

อย่างไรก็ตาม เห็นว่า

ควรมีการบูรณาการความคิดในการแก้ไขปัญหาการว่างงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย ทั้งนี้ อัตราการว่างงานในช่วง 2 เดือนแรกของไตรมาสที่สามปีนี้ ยังอยู่ในระดับต่ำที่ 1.3% ของกำลังแรงงานรวม ลดลงจากไตรมาสก่อนที่อยู่ 1.4% ของกำลังแรงงานรวม


 ด้านนางอุไรวรรณ เทียนทอง รมว.แรงงาน กล่าวถึงกรณีสภาอุตสาหกรรมออกมาระบุว่าในปี 2552 จะมีผู้ว่างงานกว่า 1 ล้านคน และธุรกิจปิดกิจการเพิ่มขึ้น ว่า
 
กระทรวงแรงงานไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งให้ทุกกรมเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้หากทุกคนไม่เลือกงาน ก็จะสามารถหางานได้ และทุกคนต้องช่วยตัวเองด้วย


 ทั้งนี้ ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาเศรษฐกิจส่วนรวมและการกระจายรายได้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ หรือ ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า
 
ในปีหน้ามีโอกาสที่อัตราการเลิกจ้างงานของประเทศไทยจะสูงขึ้นตามที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยออกมาเปิดเผยข้อมูล หากภาวะเศรษฐกิจในปีหน้าตกต่ำลงมาก เนื่องจากอัตราการเลิกจ้างงานที่ระดับ 1 ล้านคนนั้น คิดเป็น 4-5% ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราการเลิกจ้างงานในช่วงเกิดวิกฤติปี 2540 ดังนั้น รัฐบาลจะต้องเร่งดูแลไม่ให้เศรษฐกิจตกต่ำด้วยการเร่งการลงทุนในประเทศ ทั้งนี้ เริ่มจากโครงการเมกะโปรเจกท์เพื่อทดแทนการส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง เพื่อรักษาระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีหน้าไม่ให้ต่ำกว่า 3%


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์