แล้วแก๊งโจรปล้นแท็กซี่รายใหญ่ในเขตนครบาลหรือเป็นที่รู้จักกันดีในนามของ "แก๊งไนลอน" ก็จนมุมตำรวจจนได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ออกอาละวาดปล้นจี้แท็กซี่ทั่วไป
โชเฟอร์แท็กซี่ทั้งหลายพากันเข็ดขยาดไปตามๆ กัน
ที่ได้ชื่อว่า "แก๊งไนลอน" ก็เพราะพฤติ กรรมของพวกนี้จะรวมหัวกันตระเวนเรียกแท็กซี่ไปรูดทรัพย์ โดยการใช้มีดจี้แล้วใช้เชือกไนลอนที่เตรียมมามัดเหยื่อติดเบาะ ก่อนจะปลดทรัพย์สินหลบหนีไป ที่ผ่านมา ก่อเหตุมาแล้วมากมาย
แต่สุดท้ายก็ต้องจนมุมตำรวจ!!
ย้อนไปดูเหตุตำรวจจับคนร้ายแก๊งปล้นแท็กซี่ เกิดขึ้นหลังจากพวกนี้ตระเวนก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์คนขับรถแท็กซี่มาแล้วนับไม่ถ้วน
เริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีเหยื่อคนขับรถแท็กซี่ถูกจับมัดมือมัดเท้าด้วยเชือกไนลอนติดกับเบาะก่อนจะถูกปลดทรัพย์สินหลบหนีไปหลายราย โดยคนร้ายก่อเหตุในหลายท้องที่เขตบช.น. นับรวมกันได้ประมาณ 25 คดี เล่นเอาบรรดาโชเฟอร์แท็กซี่ขวัญหนีดีฝ่อไปตามๆ กัน
บางคนถึงขนาดไม่กล้าขับรถกะดึกเลยทีเดียว
หลังเกิดเหตุการณ์ชมรมผู้ประกอบการขับขี่รถยนต์รับจ้างแท็กซี่สาธารณะ จึงเข้าร้องเรียนพล.ต.ท. สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. ให้รีบจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี ก่อนที่คนร้ายจะเหิมเกริมกว่านี้
หลังรับแจ้งเหตุพล.ต.ท.สุชาติ สั่งการให้พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบก.ศส. บช.น., พ.ต.อ.ธัมรงค์ วงศ์แป้น พ.ต.อ.พันธุ์เทพ ธรรมจารี พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ ผกก.ศส.บช.น. จัดทีมสืบสวนแกะรอยหาตัวคนร้ายแก๊งนี้ทันที โดยมีพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบช.น. ลงมาควบคุมการทำงานด้วยตนเอง
แก๊งโจรไนลอนจนมุม ตระเวนปล้นแท็กซี่ มัดเหยื่อรูดทรัพย์25คดี
หลังรับทราบแนวทางทีมสืบจึงเดินหน้าล่าโจรแท็กซี่
ตามพฤติการณ์แห่งรูปคดี พบว่าคนร้ายจะวางแผนเรียกรถแท็กซี่จากย่านฝั่งธนบุรี และลาดพร้าว ให้ไปส่งตามสถานที่เปลี่ยวในท้องที่สน.บางมด, สน.หัวหมาก, สน.พระโขนง, สน.ปทุมวัน, สน.บุคคโล, สน.มักกะสัน, สน.พหลโยธิน, สน.ลาดพร้าว, สน.มีนบุรี, สน.ท่าข้าม, สน.บางขุนเทียน, สน.ราษฎร์ บูรณะ, สน.สุทธิสาร และสน.พลับพลาไชย 1 ที่ได้กำหนดจุดล่วงหน้าไว้ โดยคนร้ายจะมากัน 2-3 คน เมื่อถึงพิกัดคนร้ายที่นั่งหลังจะใช้มีดจี้คอคนขับ แล้วช่วยกันใช้เชือกไนลอนที่เตรียมมาจับคนขับมัดไว้กับเบาะ ก่อนจะรื้อค้นทรัพย์สินหลบหนี ซึ่งทรัพย์สินส่วนใหญ่ที่ได้ไป จะเป็นเงินสดและโทรศัพท์ของผู้ขับขี่
ตำรวจจึงโฟกัสไปที่กลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ในเขตลาด พร้าวและฝั่งธนฯ ขยายผลทันที
มุ่งไปที่พวกมีคดีติดตัวก่อนอันดับแรก!!
ทีมสืบขยับเข้าใกล้ตัวแก๊งโจรไนลอน ได้ด้วยการให้สายเข้าไปหาความเคลื่อนไหวของคนร้ายพร้อมใช้วิธีสืบสวนขั้นสูงจนรู้มาว่าแก๊งนี้มีนายสุนทร สุวรรณพันธ์ อายุ 23 ปี มีภูมิลำเนาอยู่บ้าน เลขที่ 98/23 ถ.ริมคลองบางค้อ แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กทม. เป็นหัวหน้าแก๊ง เคยก่อเหตุมาแล้วหลายคดี ล่าสุดก่อเหตุปล้นแท็กซี่ในเขตท้องที่สน.หัวหมาก ตำรวจจึงรวบรวมหลักฐานขออนุมัติออกหมายจับศาลอาญา ที่ 2978/2551 ลงวันที่ 25 ต.ค.2551 ในข้อหาปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ และพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ตามรวบตัวนายสุนทรทันที
กระทั่งตอนสายวันที่ 25 ต.ค. ชุดทำงาน ของพ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี สามารถเข้าจับกุมนายสุนทร ไว้ได้ขณะเดินอยู่หน้าโรงแรมเมอริออท ถนนเจริญนคร แขวงสำเหร่ เขตธนบุรี พร้อมด้วยของกลางอาวุธมีด 2 เล่ม โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อโนเกีย 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุงอีก 1 เครื่อง และชิ้นส่วนของโทรศัพท์มืออีก 5 ชิ้น จึงนำตัวมาสอบสวนดำเนินคดี
"สุนทร"ให้การรับสารภาพตลอดข้อหา
โดยให้การซัดทอดว่า ร่วมกับพวก ประ กอบด้วย นายศรวุฒิ หรือเตี้ย แย้มนวล ปัจจุบันถูกจับกุมขังอยู่ในเรือนจำคลองเปรม ในข้อหายาเสพติด, นายชัยณรงค์ หรือบอย มั่นเหมาะ อายุ 21 ปี ถูกจับข้อหายาเสพติดคุมขังอยู่ในเรือนจำคลองเปรมเช่นกัน, นายอาทิตย์ หรือเอก สุขสมกิจ อายุ 25 ปี ถูกคุมขังอยู่กรมทหาร มทบ.11 ข้อหาขาดราชการ และเคยมีประวัติเสพยาบ้า และปล้นทรัพย์สน.ลาดพร้าว และนายปรัชญา หรือเอ สุข สมกิจ อายุ 21 ปี ปัจจุบันถูกขังอยู่ที่โรงเรียนการบินทหารอากาศ กำแพงแสน จ.นครปฐม ข้อหาขาดราชการ
ทั้งหมดร่วมกันก่อเหตุปล้นรถแท็กซี่หาเงินเสพยาบ้ามานานแล้ว โดยมีพฤติกรรมใช้เชือกไนลอนมัดคนขับติดกับเบาะ จนกลุ่มคนขับแท็กซี่ตั้งฉายาว่า "แก๊งไนลอน" ที่มีชื่อเสียงดังกระฉ่อนมาก่อนหน้านี้ ซึ่งตอนนี้เพื่อนร่วมแก๊งส่วนใหญ่โดนจับหมดแล้ว เหลือเพียงตนเองที่ยังรอด แต่สุดท้ายก็ต้องจนมุมจนได้ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้พร้อมสรุปสำนวนส่งฟ้องทันที
หลังถูกจับมีเหยื่อแท็กซี่ตามมาชี้ตัวจำนวนมาก!!
นอกจากได้ตัวนายสุนทรแล้ว เจ้าหน้าที่ยังขยายผลเข้าจับกุมน.ส.ชนาภา หรือ "ดิ้ง" ปัญญาคม อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78 ซอยเจริญนคร 25 แขวงบางลำพูล่าง เขตคลองสาน กทม. เพื่อนร่วมแก๊งเอาไว้ได้อีก 1 ราย โดยน.ส.ชนาภาได้ร่วมกับนายสุนทรลงมือปล้นรถแท็กซี่ของนายสุรเดช อ่วมสำอาง อายุ 35 ปี เมื่อไม่นานมานี้ เหตุเกิดภายในซอยสมเด็จเจ้าพระยา 14 ซึ่งเป็นซอยเปลี่ยว ได้ทรัพย์สินเป็นโทรศัพท์มือถือและเงินสดอีก 600 บาท ก่อนจะหลบหนีมาจนมุมในภายหลัง
กล่าวถึงคนร้ายแก๊งนี้ แต่ละคนล้วนมีคดีติดตัวทั้งนั้น โดยนายสุนทรเคยถูกดำเนินคดีข้อหาครอบครองและเสพยาบ้ามาแล้วถึง 3 คดี นายศรวุฒิ มีคดีเก่าข้อหาเสพยาบ้าและครอบครองยาบ้า 2 คดี นายชัยณรงค์ เคยโดนจับในข้อหาเสพยาบ้า 3 คดี นายอาทิตย์ถูกจับในข้อหาเสพยาบ้าและปล้นทรัพย์รวม 2 คดี
โดยทั้งหมดจะถูกแจ้งข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธและพาอาวุธมีดไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรอีกหนึ่งข้อหา
ชักแถวเข้าคุกไปตามระเบียบ!!