นับเป็นกระดูกชิ้นใหญ่ที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดกระโดดงับไว้ได้ก่อนที่เฮโรอีนก้อนโตจะหลุดรอดออกไปสู่ตลาดโลก จึงเป็นที่ฮือฮาไม่เบาหลังการจับกุม เครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ของประเทศไทย มันจึงนับเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงอีกเคสหนึ่งของ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.)
เพราะสามารถรวบผู้ต้องหา ทั้งไทย และ พม่าได้มากถึง 5 คน พร้อมของกลางผงขาวในนามเฮโรอีนหลัก 5.5 กิโลกรัม ที่มีมูลค่านับ 20 ล้านบาท และอาจจะสูงมากกว่านี้ถึง 10 เท่าเมื่อหลุดไปยังต่างประเทศ
งานชิ้นนี้ พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรายาเสพติด (ผบช.ปส.) ได้แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหากลุ่มนี้ทันทีที่รวบหัวรวบหางไว้ได้ ทำให้รู้ว่าแก๊งนี้มีชื่อชั้นไม่เบา เพราะในวงการรู้จักกันดีในชื่อของ “แก๊งอาซัน” ที่หัวหน้าแก๊งจนมุมตำรวจหน่วยเดียวกันนี้ไปแล้ว และปัจจุบันสิ้นอิสระภาพอยู่ในคุกด้วยข้อหาประหารชีวิต
ผบช.ปส. บอกให้เรารู้ว่าวายร้ายยาเสพติดระดับชาติทั้ง 5 คน ประกอบด้วย นส.สุภารี หรือ มาลี แสนเหลี่ยว หรือ อาเหมย อายุ 36 ปี ชาว จ.เชียงราย นายสมชาย บุญศรี อายุ 49 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ นายดิเรก ยงยุทธ อายุ 42 ปี ชาว จ.สุโขทัย นายหลง อายุ 32 ปี และ น.ส.มล อายุ 22 ปี โดยสองรายหลังเป็นชาวพม่า
พล.ต.ท.วุฒิ สาธยายให้รู้ว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้เป็นเครือข่ายนักค้ายาเสพติดที่ลักลอบนำเข้ายาเสพติดประเภทยาบ้า เฮโรอีน และยาไอซ์ ผ่านทางชายแดนทางภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านติดกับประเทศลาว และพม่า โดยเป็นเครือข่ายเดียวกับ นายจิระศักดิ์ ฉัตรวรนิติ หรือ อาซัน หรืออาสือ หัวหน้าแก๊งคนสำคัญ ที่เป็นนักค้ายาเสพติดรายสำคัญของประเทศ
ก่อนหน้านี้ อาซัน ได้หลบหนีไปพักอยู่ที่เมืองคุณหมิง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และตำรวจ บช.ปส. ประสานขอส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย จนกระทั่งเมื่อ วันที่ 29 มีนาคม 2550 ศาลอาญารัชดาภิเษก มีคำพิพากษาประหารชีวิต อาซัน ในความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และความผิดตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2535 ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ ส่วนตัว อาซัน ถูกควบคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี
ด้านมือปราบยาเสพติดอย่าง พล.ต.ต.อดิเทพ ปัญจมานนท์ รอง ผบช.ปส. เล่าถึงขั้นตอนการจับกุม กลุ่มผู้ต้องหารายนี้ว่า หลังจากศาลพิพากษาประหารชีวิต อาซัน แล้ว นางสุภารี ได้เดินทางเข้าเยี่ยม นายอาซัน อยู่บ่อยครั้ง ตำรวจ บช.ปส. จึงประสานข้อมูลกับทางเรือนจำ เพื่อขอข้อมูล เกี่ยวกับตัว นส.สุภารี และสืบสวนจนพบว่า ตั้งแต่ปี 2542 น.ส.สุภารี มีหน้าที่ในการดูแลเรื่องการเงินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้กับ อาซัน และครอบครัวตระกูลแสนเหลี่ยว ของ นส.สุภารี ที่อยู่ในพื้นที่ จ.เชียงราย ก่อนที่ช่วงหลังจะสวมบทแทนลูกพี่ในการเป็นนายหน้าค้ายาเสพติดมืออาชีพ
“ตำรวจมีข้อมูลด้วยว่าพ่อของ นส.สุภารี เป็นเพื่อนกับ ขุนส่า นักค้ายาเสพติดระดับโลกอีกด้วย” พล.ต.ต.อดิเทพ บอกถึงปูมหลัง
สำหรับแผนการล่อซื้อเฮโรอีนจากเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มนี้ เจ้าหน้าที่หนุ่มหน้าหยกซึ่งเป็นหน่วยสืบสวนคนหนึ่ง แอบเล่าให้เราฟังว่า สายลับของตำรวจ บช.ปส. ได้ปลอมตัวไปตีสนิทกับ สุภารี เพื่อติดต่อขอซื้อยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากจำนวนน้อยๆเพื่อให้ สุภารี วางใจ จากนั้นจึงวางแผนล่อซื้อยาเสพติดล็อตใหญ่มากขึ้น จนมาจบที่เฮโรอีนจำนวน 5.5 กิโลกรัม และในที่สุดทั้งหมดก็ตายใจและจนมุมตำรวจในที่สุด
เขาเล่าให้ฟังต่อว่า แก๊งนี้ได้นำเข้าเฮโรอีนมาในไทยอย่างเป็นขั้นตอน โดย นส.มล และ นายหลง สองผู้ต้องหาชาวพม่า เป็นผู้เดินทางไปรับเฮโรอีนจากเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ติดกับชายแดนด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย แล้วนำมาพักไว้ที่ บ้านเลขที่ 123 หมู่บ้านนวธานี กรุงเทพฯ เพื่อเก็บเฮโรอีนที่หลุดรอดเข้ามาแล้วไว้กับ นายดิเรก กระทั่งวันที่ 25 ตุลาคม ที่ผ่านมา นายสมชาย ได้ขับรถยนต์แท็กซี่สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทม-3012 กทม. นำเฮโรอีนจำนวนดังกล่าวมาส่งให้กับ นส.สุภารี ที่ อยู่กับสายลับของตำรวจ ภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านสะพานควาย
เมื่อ นายสมชาย นำเฮโรอีน จำนวนดังกล่าว มาส่งตามแผนของตำรวจที่วางไว้ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เฮโรอีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย พร้อมกับขยายผลตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการรายอื่น มาดำเนินคดีได้ รวม 5 คน และควบคุมตัวมาสอบสวนที่ บช.ปส. ทันที
อย่างไรก็ตามจากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 5 คน มีเพียง นายสมชาย และนายหลง เท่านั้นที่ให้การรับสารภาพ ว่า อยู่ในขบวนการค้ายาเสพติดดังกล่าว โดยทำมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งได้รับค่าจ้าง 1 แสนบาท ซึ่งนับว่าเป็นค่าจ้างที่คุ้มค่ากับความเสี่ยง ในขณะที่ ผู้ต้องหาที่เหลือ โดยเฉพาะ นส.สุภารี ให้การภาคเสธ อ้างว่า รู้จักกับ อาซัน จริง แต่ไม่มีส่วนรู้เห็นกับเฮโรอีน และภายหลังจากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมด เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไปฝากขังที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก ทันที
ทั้งนี้จากข้อมูลของ บช.ปส. ตั้งแต่ปี 2542 – 2548 พบว่าได้ดำเนินคดีกับ นักค้ายาเสพติดเครือข่ายของ อาซัน ได้ถึง 17 คดี จับกุมผู้ต้องหา ได้ 32 คน ยึดของกลางเป็นเฮโรอีน ได้กว่า 170 กิโลกรัม ยาบ้ากว่า 1,600,000 เม็ด เงินไทยและต่างประเทศ รวมกว่า 9,000,000 บาท
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.วุฒิ ได้ตั้งข้อสังเกตุ เกี่ยวกับการจับกุมผู้ต้องหากลุ่มนี้ พร้อมของกลาง เฮโรอีน จำนวน 5.5 กิโลกรัมว่า ถือว่าเป็นยาเสพติดล็อตใหญ่ที่จับกุมได้ใจกลางกรุงเทพมหานคร
“มันไม่ใช่เรื่องเล็กเพราะมีมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท ผู้ต้องหาเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่มาก และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจับกุมได้ ที่สำคัญจากแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า เฮโรอีน และยาเสพติด จำนวนมากที่ กลุ่มผู้ต้องหานำมาพักไว้ที่ หมู่บ้านนวธานี ได้เตรียมส่งต่อไปจำหน่ายให้กับลูกค้าในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เราเกรงว่า อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ได้” พล.ต.ท.วุฒิ กล่าว ทิ้งท้าย.
สำหรับ การจับกุมผู้ต้องหากลุ่มนี้ ถือเป็นการตัดตอน เครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดูแลในเรื่องของเงินหมุนเวียนในระบบนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ของประเทศ แต่จากแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า เครือข่าย นายอาซัน ยังคงกระจายตัวอยู่ทั้งในประเทศและนอกประเทศรอคอยคำสั่ง เพื่อกระจายยานรก และตำรวจยังต้องเดินหน้าทำงานกันอย่างหนักเพื่อกวาดล้างขบวนการบ่อนทำลายชาติเหล่านี้ต่อไป
ตัดตอนเครือข่าย อาซัน นักค้ายานรก
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!