ผวาเศรษฐกิจโลกดิ่งเหวตลาดหุ้นป่วนหนัก

ความหวาดกลัวที่เพิ่มมากขึ้นว่า

เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ส่งให้ตลาดหุ้นและราคาน้ำมัน ดิ่งกราวรูดเมื่อวันจันทร์ ส่วนจี-7 รับปากร่วมมือกันทำให้ตลาดหุ้นกลับมามีเสถียรภาพดังเดิม ด้วยการหามาตรการใหม่มาปกป้องเศรษฐกิจ

กลุ่มประเทศร่ำรวย 7 ชาติ หรือจี-7 ซึ่งประกอบด้วย

อังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่นและสหรัฐ ให้คำมั่นเมื่อวันจันทร์ว่าจะร่วมมือกันนำเสถียรภาพกลับคืนสู่ตลาดหุ้นโลกที่ง่อนแง่นเซถลาอยู่ในขณะนี้ โดยตลาดหุ้นทั่วโลกต่างดิ่งลง เนื่องจากกลัวว่ามาตรการสลายวิกฤติการเงินของรัฐบาลชาติต่าง ๆ จะช้าเกินไปในการป้องกันเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย

คำมั่นสัญญาของจี-7 ดังกล่าวมีขึ้นไม่กี่ชั่วโมง
 
หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ประกาศแผนช่วยเหลือด้านการเงินแก่ยูเครนและฮังการี 2 ชาติที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติการเงิน ที่กำลังทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปั่นป่วน ทั้งนี้ จี-7 ต้องการสยบการตื่นกลัวทำให้ตลาดอยู่ในความสงบ ด้วยการยืนยันร่วมมือกันทำให้ระบบการเงินระหว่างประเทศแข็งแกร่งและมั่นคง “เราจะตรวจสอบตลาดอย่างใกล้ชิดและร่วมมือกันในระดับที่เหมาะสม” แถลงการณ์จากรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารชาติของจี-7 ระบุ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ไอเอ็มเอฟ แถลงว่า

จะปล่อยเงินกู้จำนวน 16,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่ยูเครนและจะประกาศแผนการช่วยเหลือฮังการีในอีก 2-3 วันข้างหน้านี้ โดยข้อตกลงดังกล่าว มีขึ้นหลังจากที่ไอเอ็มเอฟปล่อยกู้ให้ไอซ์แลนด์ 2,100 ล้านดอลลาร์ และมีขึ้นท่ามกลางข้อเรียกร้องให้ช่วยเหลือประเทศอื่น ๆ เช่นเบลารุสและปากีสถานด้วย

ส่วนธนาคารกลางยุโรป ประกาศปล่อยเงินกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ 1 สัปดาห์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการรักษาการหมุนเวียนของเงินในตลาดการเงินระหว่างธนาคาร แต่การเคลื่อนไหวดังกล่าว ก็ไม่สามารถเรียกความสงบกลับมาสู่ตลาดได้

ด้านนายกรัฐมนตรีทาโร อาโสะ ของญี่ปุ่น ประกาศมาตรการใหม่เพื่อสนับสนุนตลาดหุ้น
 
ที่กำลังไหลรูด ซึ่งรวมทั้งทุ่มเม็ดเงินก้อนใหญ่เพื่อช่วยเหลือธนาคารต่าง ๆ ที่ตกเป็นเหยื่อของวิกฤติสินเชื่อ แต่มาตรการใหม่นี้ ก็ดูเหมือนจะน้อยเกินไปที่จะฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยดัชนีนิกเกอิ ดิ่งลงร้อยละ 6.36 อยู่ในระดับต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 2525 ก่อนยุคฟองสบู่แตก ขณะที่ ตลาดหุ้นไทยต้องระงับการซื้อขายชั่วคราวเมื่อวันจันทร์ หลังจากหุ้นดิ่งหนักถึงร้อยละ 10

ส่วนเกาหลีใต้ก็ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่สุดเท่าที่เคยมี คือร้อยละ 0.75 เหลืออยู่ที่ 4.25 และยังผลักดันแผนงบประมาณเพื่อรองรับการลดภาษีครั้งใหญ่ และเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อเป็นเกราะป้องกันเศรษฐกิจจากวิกฤติการเงินโลก

สำหรับราคาน้ำมันก็ร่วงลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในลอนดอน ดิ่งลงแตะระดับต่ำกว่า 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพราะเทรดเดอร์ต่างผวาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่จะมีต่อความต้องการพลังงาน.