แห่ชมกันแน่น ภาพฝีพระหัตถ์

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานภาพถ่ายที่ทรงถ่ายพสกนิกรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ ลานพระราชวังดุสิต ด้วยพระองค์เอง ในวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม เนื่องในพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.รวมถึงภาพถ่ายส่วนพระองค์ขณะเสด็จฯไปยังสถานที่ต่างๆ ออกแสดงในนิทรรศการภาพถ่ายที่โรงแรมคอนราด นายกรัฐมนตรีขอบคุณคนไทยที่ร่วมสร้างปรากฏการณ์ มหัศจรรย์ ในงานฉลองครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก พร้อมเชิญชวนคนไทยร่วมเฉลิมฉลอง 80 พรรษาในหลวง ในปีหน้า องคมนตรีย้ำปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง ต้องมีคุณธรรมพื้นฐาน หวั่นสังคมเพิกเฉยสร้างภูมิคุ้มกันทางศีลธรรม


สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานภาพถ่าย ที่ทรงถ่ายในวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอนันตสมาคมด้วยพระองค์เอง เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. รวมถึงภาพถ่ายส่วนพระองค์ที่ทรงถ่ายเวลาเสด็จฯตามที่ต่างๆ ออกแสดงในงานนิทรรศการภาพถ่าย โดยพระบรมราชานุญาต รัชสมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 ขณะที่นายกรัฐมนตรีขอบคุณประชาชนชาวไทยทั่วประเทศที่ได้ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี

พระเทพฯพระราชทานภาพถ่าย-กล้อง

เมื่อเวลา 15.00 น. วานนี้ (23 มิ.ย.) สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯเป็นองค์ประธาน เปิดนิทรรศการภาพถ่ายโดยพระบรมราชานุญาต รัชสมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 ซึ่งแกลเลอรี่ภาพถ่ายตอน พีค ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้นำภาพถ่ายที่เป็นชิ้นงานจริงกว่า 40 ภาพมาจัดแสดง เป็นภาพถ่ายเมื่อกว่า 120 ปีก่อน แสดงให้เห็นถึงพระราชพิธี พระราชกรณียกิจของพระบรมวงศานุวงศ์ในสมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 ณ บริเวณล็อบบี้โรงแรมคอนราด โอกาสนี้สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ ได้พระราชทานกล้องฉายภาพส่วนพระองค์ ที่ทรงใช้เมื่อทรงพระเยาว์และมีขนาดจิ๋วมาก ยาวเพียง 5 เซนติเมตร สูง 3.5 เซนติเมตร รวมทั้งฟิล์มจิ๋วที่ผลิตมาเพื่อกล้องรุ่นนี้ และกล้องที่ทรงใช้ในปัจจุบันมาจัดแสดง พร้อมภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ มีตั้งแต่ภาพถ่ายสัตว์ในวังสระปทุม ภาพกิจกรรมนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ภาพถ่ายเมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปยังสถานที่ต่างๆทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงผลงานล่าสุด ซึ่งเป็นภาพ ถ่ายฝีพระหัตถ์จากพระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิตเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ที่ทรงฉายด้วยพระองค์เอง นำมาจัดแสดงรวมทั้งหมด 90 ภาพ



สำหรับภาพถ่ายฝีพระหัตถ์จากพระที่นั่งอนันตสมาคม เป็นภาพที่ได้รับความสนใจจากประชาชนที่มาชมนิทรรศการเป็นอย่างมาก เพราะประชาชนต่างเห็นพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ขณะทรงถ่ายภาพจากกล้องส่วนพระองค์ บนพระที่นั่งอนันตสมาคม ทุกคนจึงอยากชมภาพฝีพระหัตถ์ดังกล่าว ซึ่งภาพฝีพระหัตถ์ที่นำมาจัดแสดง มีทั้งภาพที่ทรงถ่ายประชาชนซึ่งสวมใส่เสื้อสีเหลืองที่มาเฝ้ารอชื่นชมพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะเสด็จออกสีหบัญชร เเน่นขนัดเต็มพื้นที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้ายาวไปถึงสะพานมัฆวาน ตลอดจนภาพประชาชนที่เฝ้าส่งเสด็จอยู่สองฟากถนน ขณะขบวนเสด็จเคลื่อนออกจากพระที่นั่งอนันตสมาคมไปยังสวนจิตรลดา ซึ่งภาพฝีพระหัตถ์ในวันนั้นมีทั้งหมด 14 ภาพ

ในการจัดแสดงนิทรรศการ มีข้อความบรรยายบนบอร์ดนิทรรศการด้วยว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นนักสะสมมาแต่ทรงพระเยาว์ ทรงเก็บสิ่งของส่วนพระองค์ เช่น ของเล่น ของใช้ และงานฝีพระหัตถ์แขนงต่างๆ รวมถึงภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สนพระทัยฉายภาพไม่ว่าจะเป็นภาพคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ ทิวทัศน์ และสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ในการทรงงาน เช่น การเสด็จพระ ราชดำเนินเยี่ยมโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในถิ่นทุรกันดาร โปรดฉายภาพกิจกรรมและผลงานของนักเรียน และภาพพื้นที่ภูมิประเทศท้องถิ่นไว้ เพื่อทรงติดตามเปรียบเทียบความก้าวหน้า ภาพโบราณสถาน ภาพวิวทิวทัศน์ ภาพสิ่งสวยงาม และแปลกตาจากนานาประเทศ จึงนับว่าภาพฝีพระหัตถ์เป็นสิ่งที่มีค่าควรแก่การสะสม สำคัญที่สุดคือ กล้อง กล้องทุกองค์ที่ทรง เมื่อชำรุดหรือพ้นสมัยก็โปรดที่จะสะสมไว้ทั้งหมด

ประชาชนห่วงจะทรงตกพระที่นั่ง

โอกาสนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ได้ทอด พระเนตรภาพถ่ายฝีพระหัตถ์และทรงอธิบายถึงภาพต่างๆ ที่ทรงถ่ายแก่นายตอน พีค เจ้าของแกลเลอรี่ภาพถ่าย ตอน พีค ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยรับสั่งเล่าถึงภาพที่พระองค์ทรงยื่นพระพักตร์ออกมาถ่ายภาพที่บริเวณมุมหน้าต่างบนพระที่นั่งอนันตสมาคม ว่า มีประชาชน จำนวนมากอยู่เบื้องพระพักตร์ และระหว่างที่ทรงถ่ายภาพ อยู่ก็ทรงได้ยินประชาชนตะโกนร้องด้วยความห่วงใยว่า ให้ทรงระวังพระองค์ เดี๋ยวจะทรงตกลงมา

สำหรับนิทรรศการภาพถ่ายโดยพระบรมราชานุญาต รัชสมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 และนิทรรศการของส่วนพระองค์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี ทางผู้จัดได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมฟรี ระหว่างนี้ถึงวันที่ 2 ก.ค. บริเวณล็อบบี้ โรงแรมคอนราด

นอกจากนี้ ในเวลาประมาณ 20.15 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวสุนทรพจน์ ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ถึงการจัดงานฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในช่วงวันที่ 9-13 มิ.ย. ที่ผ่านมา ว่า ตามที่ประชาชนชาวไทยทั้งหลายได้พร้อมใจกันจัดงานฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างพิเศษยิ่งใหญ่และงดงาม รวมทั้งร่วมกันรับเสด็จพระราชาธิบดีและพระราชวงศ์ต่างประเทศ รวม 25 ประเทศ ที่ทรงพระกรุณาเสด็จฯ มาร่วมงานอย่างสมพระเกียรตินั้น บัดนี้การจัดงานในส่วนนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้วด้วยความเรียบร้อย เป็นที่ประทับใจและชื่นชมยินดีแก่บรรดาองค์พระอาคันตุกะและประชาชนทั่วโลก ก่อให้เกิดความตื่นตัวใคร่รู้ใคร่ศึกษา เกี่ยวกับพระราชจริยวัตรและพระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างกว้างขวาง ผลที่ตามมาอีกประการหนึ่งคือ การเผยแพร่เกียรติคุณของราชอาณาจักรไทย ในด้านประวัติศาสตร์ ประเพณี วัฒนธรรม ทัศนียภาพอันงดงาม พลังแห่งความสามัคคีและความจงรักภักดีของประชาชนชาวไทยจนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก

ขอบคุณคนไทยร่วมสร้างปรากฏการณ์มหัศจรรย์

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวต่อว่า รัฐบาลรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายไทย ที่ได้ทรงรับเป็นพระราชธุระ พระราชทานและประทานคำแนะนำจนบังเกิดประโยชน์สูงสุดอย่างสง่างามและเรียบร้อยทุกประการ หากมิได้อาศัยพระบารมีและพระเมตตาดังกล่าวแล้ว งานอันยากยิ่งและละเอียดอ่อนเช่นว่านี้ ไม่มีทางสัมฤทธิผลลงได้ด้วยความราบรื่น นอกจากนั้น รัฐบาลขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวไทย ที่ได้แสดงออกถึงความเป็นพสกนิกรผู้เปี่ยมล้นด้วยความจงรักภักดีในพระราชพิธีและกิจกรรมทั้งปวง จนกลายเป็นเหตุมหัศจรรย์ ประการหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ไทย เช่น การที่ประชาชน ทั่วประเทศ พร้อมใจกันแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีเหลือง อันเป็น สีวันพระบรมราชสมภพจนแม้แต่องค์พระราชอาคันตุกะหลายประเทศ ก็ทรงฉลองพระองค์สีเหลืองอนุวัตรอร่าม

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า การที่ประชาชนนับล้านคน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในการเสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ชนิดที่ผู้ใจแข็งอย่างยิ่งเท่านั้น จึงมิอาจหลั่งน้ำตาด้วยความปลื้มปีติ และด้วยความภาคภูมิใจ ในการที่เกิดมาเป็นข้าทูลละอองธุลีพระบาทในรัชกาลนี้ได้ นอกจากนั้น การที่ประชาชนจำนวนหลายแสนคน ร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพร ณ ท้องสนามหลวงก็ดี ประชาชนกว่า 6 ล้านคน หลั่งไหลไปชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ณ ศูนย์การประชุมและนิทรรศการเมืองทองธานีก็ดี ภาพที่คนนับแสนพากันห้อมล้อมถ่ายภาพต่างๆไว้เป็นที่ระลึก ผู้คนลงนั่งหมอบกราบถวายบังคมพระบรมฉายาลักษณ์ และหลั่งน้ำตาโดยไม่รู้ตัว ด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ บุตรหลานเข็นรถเข็นให้บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยายที่ชรา หรือญาติที่พิการนับร้อยนับพันคน ไปสงบนิ่งอธิษฐานอยู่หน้า พระบรมฉายาลักษณ์ในงาน ล้วนเป็นการแสดงอย่างชัดเจนว่าไม่มีผู้นำใดจะสามารถร้อยรัดดวงใจผู้คนให้เป็นหนึ่งเดียวได้ด้วยความจงรักภักดีถึงปานนี้แล้วอีกแล้ว

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ขณะเดียวกัน รัฐบาลต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ทั้งตำรวจ ทหาร และพลเรือน ที่ได้ปฏิบัติงานในหน้าที่ของตนในช่วงเวลาดังกล่าวอย่างเต็มอกเต็มใจ ทุ่มเทและเสียสละด้วยปณิธานที่ตรงกัน โดยมิต้องบอกกล่าวว่า ขอทำถวายเพื่อในหลวง จึงขอให้ผู้บังคับบัญชาให้น้ำหนักในการพิจารณาคุณงามความดีนี้ด้วย รัฐบาลขอเรียนว่า เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ทั้งหลายเหล่านี้ จะได้รับการจารึกและถ่ายทอดเป็นตัวอักษร ภาพถ่าย วิดีทัศน์และแผ่นภาพ เพื่อนำออกเผยแพร่แก่ประชาชนไปชั่วลูกชั่วหลานต่อไป โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการด้านประมวลเอกสาร สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และ อสมท รับไปดำเนินการแล้ว

จัดนิทรรศการฯถาวรที่ดอนเมือง

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า สำหรับภาพและสิ่งของที่ใช้จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ก็จะได้นำบางส่วนไปจัดแสดงให้พี่น้องประชาชนในต่างจังหวัดได้ชื่นชมและจะนำไปจัดแสดงในต่างประเทศด้วย ซึ่งในชั้นนี้คณะรัฐมนตรีได้มีมติแล้วว่าให้นำไปจัดแสดง ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา และอาจจัดเพิ่มเติมในประเทศอื่นๆตามที่ขอมา ต่อจากนั้นจะได้นำมาจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติอย่างถาวร โดยได้กำหนดให้ใช้อาคารเดิมของท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งจะตกแต่งให้เหมาะสม มีหน่วยงานรับผิดชอบเป็นการเฉพาะ และเพิ่มเติมการจัดแสดงส่วนอื่นๆที่ขาดหายไปในคราวจัดนิทรรศการให้สมบูรณ์ เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณและพระราชกรณียกิจทุกด้าน นอกเหนือจากที่เคยจัดแสดงมาแล้ว เช่น ด้านการสาธารณสุข การศึกษา การทะนุบำรุง ศิลปวัฒนธรรม การพลังงาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการสื่อสาร การแก้ปัญหาจราจร กฎหมายและการศาล การปกครอง และการต่างประเทศ

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า การเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ยังจะดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. ศกนี้ แต่โปรดอย่าลืมว่าปีหน้าเป็นปีมหามงคลอีกวาระหนึ่ง ด้วยจะทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ซึ่งงานบางส่วนที่เริ่มในบัดนี้ จะดำเนินการต่อไปจนสำเร็จในเวลานั้น โดยจะเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองในโอกาสดังกล่าว เช่น การบูรณปฏิสังขรณ์ศาสนสถานทุกศาสนากว่าร้อยแห่งทั่วประเทศ การเปิดพิพิธภัณฑ์ถาวรเพื่อแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ การบูรณปฏิสังขรณ์มณฑปพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร หรือพระพุทธรูปทองคำสุโขทัยไตรมิตร เป็นต้น รัฐบาลเชื่อว่ามหามงคลวโรกาสที่กำลังจะมาถึง เป็นวาระที่พี่น้องประชาชนจะได้ร่วมกันสรรค์สร้างปรากฏการณ์ที่ควรแก่การจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของไทยอีกครั้งหนึ่ง

เร่งออกสิทธิที่ดินถวายในหลวง

วันเดียวกัน นายยงยุทธ ติยะไพรัช รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้นำคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติและผู้เกี่ยวข้องในการจัดหาที่ดินทำกินให้แก่ราษฎร เข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีการถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ นานกว่า 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณได้กล่าวระหว่างมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า หากสามารถดำเนินการออกเอกสารสิทธิที่ดินทำกินให้แก่ชาวบ้าน 1.4 แสนครัวเรือน ที่ลงทะเบียนขอรับการจัดสรรเอกสารสิทธิที่ดินจากรัฐบาล ก็เท่ากับว่าเป็นการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเสรีภาพในการเลี้ยงชีพ ของประชาชน หลังจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทำการเลิกทาสมาแล้ว เพราะวันนี้คนที่ไม่มีที่ดินทำกิน หรือคนที่มีแต่ที่ดินแต่ไม่มีเอกสารสิทธิต้องผวา ถูกจับกุม เพียงแค่อยากจะขอที่ดินอันน้อยนิดมาเลี้ยงชีพ ส่งลูกเรียนหนังสือพออยู่ได้ไปวันๆหนึ่งต้องไม่มีเสรีภาพ ถ้ารัฐบาลสามารถจัดสรรเอกสารสิทธิให้ประชาชนได้ภายในอีก 1 ปีครึ่ง ก็จะได้ถวายเป็นพระราชกุศลในวโรกาสเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษาในปี 2550

นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังย้ำถึงการนำระบบภาษีก้าวหน้ามาใช้กับผู้ที่กว้านซื้อที่ดินไว้เป็นจำนวนมาก โดยไม่ได้ใช้ประโยชน์ด้วยว่า คนที่มีที่ดินเป็นจำนวนมากๆแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือที่กว้านซื้อกันไว้มากๆ โดยไม่นำไปทำประโยชน์มันเป็นการเสียโอกาสของประเทศ เพราะเราต้องทำที่ดินให้เป็นแหล่งผลิตและใช้ประโยชน์มากที่สุด โดยอาจจะต้องนำระบบภาษีก้าวหน้ามาใช้ และรัฐอาจต้องนำเงินภาษีก้าวหน้ามาตั้งเป็นกองทุนเพื่อเตรียมไว้รับซื้อที่ดินของคนเหล่านี้ เพราะถ้าเจ้าของที่ปล่อยที่ดินไว้โดยไม่ทำประโยชน์ คนเหล่านี้ก็จะรับภาระการเสียภาษีไม่ไหว ถือเป็นการบังคับให้นำที่ดินมาใช้ประโยชน์ไปในตัว ต่อไปเจ้าของที่ก็อาจจะต้องขอให้คนจนเข้าไปช่วยทำไร่สวนในที่ดินของตนเอง เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียภาษีก้าวหน้า

เศรษฐกิจพอเพียงต้องมีคุณธรรมพื้นฐาน

อีกด้าน ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ตอนสายวันเดียวกัน น.พ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ได้บรรยายพิเศษเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ให้กับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและข้าราชการศาลรัฐธรรมนูญตอนหนึ่งว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอยู่เคียงข้างพสกนิกรทั้งยามทุกข์และยามสุข เพราะทรงเชื่อมั่นว่าโลกนี้มีขึ้นมีลง มีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จึงเอาไว้ใช้รับมือกับการเปลี่ยนแปลง พระองค์ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้กับประมุขของ 23 ประเทศและประชาชน ทรงเป็นแบบอย่างที่เรียบง่ายของความเป็นพ่อที่เสียสละเพื่อลูก ทำให้ทุกอย่างเรียบง่าย ไม่สลับซับซ้อนก่อนที่จะแก้ปัญหา เพราะข้าราชการบางคนติดนิสัยทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่

ทั้งนี้ เงื่อนไขในการนำปรัชญาดังกล่าวมาใช้ ให้ประสบความสำเร็จได้ คือจะต้องมีคุณธรรมพื้นฐาน หมายถึงยึดถือความจริงเป็นสัตย์ให้คุณค่าของความเป็นมนุษย์ ให้ความรักความเมตตาแก่กัน สิ่งที่จะชี้ว่าคนคนนั้น มีคุณธรรมหรือไม่ คือการแสดงออกทางพฤติกรรมให้เราจับได้ นอกจากนั้นต้องมีความพอ ไม่ดิ้นรน ต้องสร้างภูมิคุ้มกันทั้งด้านศีลธรรม การเงิน และวัฒนธรรม ขณะนี้เป็นที่น่าห่วงที่เยาวชนของไทยขาดภูมิคุ้มกันด้านศีลธรรม จนทำให้เกิดความสำส่อนทางเพศ ปัญหายาเสพติด รวมไปถึงการติดหนี้พนันบอล ต้องรู้จักรักษาความสัตย์ ความจริง รู้จักข่มใจตัวเองให้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในความดี อดทนอดกลั้น อดออม และรู้จักระมัดระวังความชั่ว ความทุจริต

ให้ยึดทางสายกลางเป็นหลัก

น.พ.เกษมกล่าวต่อว่า ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการใช้ปรัชญาดังกล่าว เพื่อให้เกิดความสมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวางทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี โดยสรุปแล้วหมายถึงทางสายกลาง ที่ผ่านมาในระดับชุมชนได้เริ่มทำแล้ว แต่ในบริษัทเอกชนยังไม่ค่อยขับเคลื่อนเท่าใดนัก ส่วนภูมิคุ้มกันทางการเงิน กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เริ่มจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้นักเรียนบ้างแล้ว อยากให้ผู้บริหารและครู นำปรัชญาพอเพียงไปใช้ จะได้ไม่เป็นหนี้กันมากมาย แต่ภูมิคุ้มกันทางศีลธรรมและวัฒนธรรมยังไม่มีแรงขับเคลื่อนจากหน่วยงานใดออกมา จึงจำเป็นต้องเร่งสร้างภูมิคุ้มกันส่วนนี้โดยด่วน

วันเดียวกันนี้ นายสันติชัย เอื้อจงประสิทธิ์ รองผู้ว่าการฝ่ายสินค้าท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า แนวคิดที่จะจัดแพ็กเกจทัวร์ดินเนอร์ ที่ราชนาวิกสภาฯ ตามรอยพระประมุขของแต่ละประเทศ เสด็จพระราชดำเนินร่วมงานพระราชทานเลี้ยง เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีฉลองครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นั้น ยังเป็นเพียงไอเดียที่มีการเสนอขึ้นมาในที่ประชุม จัดทำแพ็กเกจทัวร์ตามรอยพระราชอาคันตุกะ เสนอขายแก่นักท่องเที่ยวระดับไฮคลาส ในช่วงประมาณเดือนกรกฎาคม ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าข้อเสนอดังกล่าว อาจจะไม่ได้รับการพิจารณาบรรจุในแผนการท่องเที่ยวประจำเดือน ก.ค.นี้ เนื่องจากมีข้อจำกัดหลายๆด้าน

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ