สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (23 ต.ค.) ระบุว่า ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาดิ่งกว่า 500 จุด หรือกว่า 4%
หลังนักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง แม้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะออกมาตรการต่างๆ เพื่อหวังผ่อนคลายวิกฤติเศรษฐกิจในประเทศ แต่นักลงทุนยังคงวิตกกังวลจากรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ของหลายบริษัทที่เพิ่งมีรายงานออกมา ไม่ว่าจะเป็นวาโชเวีย แบงค์ ที่เพิ่งถูกเวลส์ ฟาร์โก ซื้อกิจการไป ประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก หรือ เมิร์ค แอนด์ โค บริษัทเวชภัณฑ์ชื่อดัง ที่กำไรลดลงถึง 28% สะท้อนว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกากำลังอยู่ในช่วงชะลอตัวชัดเจน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ดิ่งลงอีก 5.43 ดอลลาร์สหรัฐฯไปปิดที่ระดับ 66.75 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ต่ำที่สุดในรอบ 16 เดือน ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 8,519.21 จุด ลดลง 514.45 จุด หรือ 5.69% ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 1,615.75 จุด ลดลง 80.93 จุด หรือ 4.77% และดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 896.78 จุด ลดลง 58.27 จุด หรือ 6.10%
รายงานระบุต่อว่า ตลาดหุ้นยุโรปลดลงแรงเช่นกัน ดัชนี FTSE 100 ตลาดลอนดอน
ปิดที่ 4,040.89 จุด ลดลง 188.84 จุด หรือ 4.46% ดัชนี DAX ตลาดแฟรงก์เฟิร์ต ปิดที่ 4,571.07 จุด ลดลง 213.34 จุด หรือ 4.46% และดัชนี CAC 40 ตลาดปารีส ปิดที่ 3,298.18 จุด ลดลง 177.22 จุด หรือ 5.10% ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอน ปิดที่ 64.52 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ลดลง 5.20 ดอลลาร์สหรัฐ
รายงานระบุด้วยว่า ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดที่ 733.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ออนซ์ ลดลง 32.80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนตลาดลอนดอนปิดที่ 742.15 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ออนซ์ ลดลง 25.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
