หลังจากสื่อมวลชนญี่ปุ่นประโคมข่าวช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ทางการเกาหลีเหนือจะแถลง "ข่าวใหญ่"
เป็นที่คาดเดากันไปได้ว่า คงจะเป็นชะตากรรมชีวิตของนาย "คิม จองอิล" ผู้นำของประเทศลึกลับแห่งนี้เป็นแน่
หลังจากนายคิม จองอิล หายหน้าหายตาไปนาน และวันสำคัญอย่างวันชาติ เมื่อ 9 กันยายนที่ผ่านมา ก็ไม่ได้มาเป็นประธาน
ยิ่งทำให้กระแสข่าวลือยิ่งสะพัด บ้างว่า ป่วยหนักปางตาย บ้างว่า ถึงแก่อสัญกรรมไปแล้ว และมีบ้างที่คิดว่า ถูกโค่นอำนาจ
แหล่งข่าวที่สื่อมวลชนญี่ปุ่นได้ข้อมูลมานี้ เปิดเผยว่า ทางการเกาหลีเหนืออาจห้ามชาวต่างชาติเข้าประเทศตั้งแต่วันจันทร์ที่ 20 ต.ค.
หลังจากนักการทูตชาติต่างๆ ในกรุงเปียงยาง ก็ได้รับคำสั่งห้ามเดินทางออกจากประเทศก่อนจะมีประกาศออกมา
อย่างไรก็ตาม ในวันจันทร์ที่ 20 ต.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ไม่พบสัญญาณผิดปกติใดๆ ในเกาหลีเหนือ
นักบอลผมยาว-ซีรีส์ฮิต วัฒนธรรมฝ่าด่านโสมแดง
ข้อมูลใหม่ที่สื่อญี่ปุ่นได้มา กลับย้อนเหตุการณ์ที่ไม่อาจระบุวันเวลา รู้เพียงว่าเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ที่สำนักข่าวเกาหลีเหนือใช้สยบข่าวลือข่าวการป่วยหนักของนายคิมมาก่อน
เป็นหมายเดินทางที่นายคิมไปชมการแข่งขันฟุตบอลระดับมหาวิทยาลัย
บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ไมนิจิของญี่ปุ่นอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดนายคิม ว่า ผู้นำเผด็จการเกาหลีเหนือเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาขณะที่กำลังดูการแข่งขันฟุตบอลของทีมมหาวิทยาลัย ระหว่างทีมมหาวิทยาลัยคิมอิลซุง และมหาวิทยาลัยการรถไฟเปียงยาง เมื่อเหลือบไปเห็นนักฟุตบอลไว้ผมยาว
"ตัดผมอะไรกันแบบนี้ ถ้าไว้ผมยาวกันแบบนี้ ใครจะไปรู้ว่านี่มันแข่งฟุตบอลชายหรือฟุตบอลหญิง"
จากนั้นนายคิมสั่งให้นักฟุตบอลทั้งทีมไปตัดผมสั้นให้เรียบร้อย
แม้เป็นเรื่องตรวจสอบได้ยากว่า เหตุการณ์นี้มีจริงหรือไม่ แต่ในแง่การข่าวแล้ว ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนถึงแนวทางปกป้องประเทศของเกาหลีเหนือจากการรุกรานของวัฒนธรรมจากภายนอก
ก่อนหน้านี้ มีรายงานข่าวของสื่อมวลชนเกาหลีใต้ที่สะท้อนว่า แม้เกาหลีเหนือจะปิดประเทศ แต่ก็ไม่อาจต้านทานวัฒนธรรมจากโลกภายนอกที่แทรกซึมเข้าไปได้
รายงานของโคเรียนไทมส์ระบุว่า ตอนนี้ผลิตภัณฑ์ความบันเทิงจากชาติทุนนิยมหาชมได้ทั่วไปในเกาหลีเหนือ หลังจากเจ้าหน้าที่ของทางการผ่อนปรนให้ชาวบ้านที่แสวงหาความบันเทิง ถ้าเป็นเมื่อก่อนแล้ว ขืนมีคนกล้าทำเรื่องอย่างนี้ มีหวังได้ติดคุกหัวโต หรือถูกลงโทษอย่างหนักแน่
จากรายงานด้านสิทธิมนุษยชนของสมาคมแบ่งกั้นเกาหลี ตีพิมพ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สำรวจจากชาวเกาหลีเหนือที่แปรพักตร์มาอยู่ฝ่ายใต้ หลังปี 2543 จำนวน 100 คน ในคำถามเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน และตีพิมพ์เมื่อปี 2550 พบว่า ชาวเกาหลีเหนือได้ชมละครและภาพยนตร์ที่ลักลอบนำเข้าจากจีนและญี่ปุ่นมากขึ้น แม้แต่กลุ่มเจ้าหน้าที่ทหารก็ไม่มีข้อยกเว้น ติดกันงอมแงมเช่นกัน
"เมื่อปี 2547 เจ้าหน้าที่ทหารคนหนึ่ง เข้ามาคุยกับผม เขาบอกว่าเขาดูละครเรื่อง ออลอิน (เทหน้าตัก รักหมดใจ) ลีเบียงฮุนและซองเฮเคียวนำแสดง แล้วก็ดูวินเทอร์เลิฟซอง (เพลงรักในสายลมหนาว) ที่เบยองจุนและชอยจีวูนำแสดง" ผู้แปรพักตร์จากเกาหลีเหนือ กล่าว
ส่วนผู้แปรพักตร์อีกคนกล่าวว่า เคยเห็นคนขายวิดีโอเทปทำซ้ำเรื่องเพลงรักในสายลมหนาว ขายที่เมืองท่าวอนซาน ทางฝั่งตะวันออกของเกาหลีเหนือ บางคนเล่าเสริมด้วยว่า เคยได้ดูภาพโป๊เปลือยกับเจ้าหน้าที่ทหารที่ทำหน้าที่ควบคุมประชาชนที่แอบดูความบันเทิงเหล่านี้
การโอนอ่อนผ่อนปรนมาพร้อมกับการคอร์รัปชั่นที่เกาะกระแสที่ประชาชนต้องการชมความบันเทิงเหล่านี้มากขึ้นในประเทศปิดอย่างเกาหลีเหนือ