เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 21 ต.ค. นายชลอ คชรัตน์ อธิบดีกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี (ขน.)
ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้พิจารณาการปรับลดค่าโดยสารเนื่องจากราคาน้ำมันดีเซลได้ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ที่ลิตรละ 23.94 บาท จึงเห็นชอบให้ปรับลดค่าโดยสารประจำทาง (รถเมล์) สำหรับรถเมล์ธรรมดาปรับลดลง 1.50 บาท โดยรถธรรมดาขาว-น้ำเงิน จาก 10 บาท เหลือ 8.50 บาท รถธรรมดาครีม-แดง จาก 9 บาท เหลือ 7.50 บาท
ส่วนรถปรับอากาศปรับลดราคาลงช่วงละ 1 บาท โดยรถปรับอากาศธรรมดาขาวน้ำเงิน ลดลงช่วงละ 1 บาท จาก 12-24 บาท เหลือ 11-23 บาท
รถปรับอากาศยูโรทู (เหลืองส้ม) ปรับลดลงช่วงละ 1 บาท จาก 13-25 บาท เหลือ 12-24 บาท ส่วนรถมินิบัสปรับลดลง 1 บาท จาก 8 บาท เหลือ 7 บาท และรถสองแถวปรับลดลง 1.50 บาท จาก 7.50 บาท เหลือ 6 บาท ขณะที่รถโดยสารประจำทาง (รถทัวร์) ปรับลดลงกิโลเมตรละ 3 สตางค์ มีผลตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.นี้เป็นต้นไป ส่วนการพิจารณาอัตราค่าโดยสารเรือจะลดลงเท่าไร ต้องรอประชุมคณะกรรมการพิจารณา อัตราค่าโดยสารเรือประจำทางประชุมเพื่ออนุมัติ คาดว่าจะประชุมภายใน 1-2 วันนี้
ด้านนายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง ได้เห็นชอบให้จัดทำตารางการกำหนดโครงสร้างราคาค่าโดยสารที่อิงตามราคาน้ำมัน
โดยมอบหมายให้ นายทะเบียนกลางรับไปพิจารณา ซึ่งในรายละเอียดจะต้องรอผลการศึกษาที่ทางกรมการขนส่งทางบกอยู่ระหว่าง ว่าจ้างสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ทำการศึกษาเพื่อประเมินหาต้นทุนด้านการขนส่งที่แท้จริงก่อนที่จัดทำโครงสร้างราคา เพื่ออำนวยความสะดวกปรับเพิ่มหรือลดค่าโดยสารให้สอดคล้องกับราคาน้ำมันที่เปลี่ยนแปลงได้ทันที
ทั้งนี้ ตามที่ผู้ประกอบการรถร่วม ขสมก. ได้เสนอให้จัดทำโครงสร้างราคาค่าโดยสารที่ยืดหยุ่น เพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง
เพื่อช่วยให้การปรับเปลี่ยนราคาดำเนินการได้ทันที ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนในขณะนี้ ต้องใช้เวลาในการศึกษาหาข้อมูลและกำหนดอัตราที่เหมาะสมต่อไป ยัง ไม่ได้นำเข้าหารือในที่ประชุมครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม เห็นด้วยกับแนวทางที่ผู้ประกอบการรถร่วม ขสมก.เสนอให้จัดทำโครงสร้างการปรับราคาเช่นเดียวกับรถโดยสารประจำทางของ บขส.แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะพิจารณาปรับค่าโดยสารทุกๆการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลง 2.50 บาทต่อลิตรยังมีรายละเอียดที่จะต้องพิจารณาประกอบ คือผลกระทบที่เกิดขึ้นกับโครงสร้างราคา รวมทั้งต้องพิจารณาจากปัจจัยและต้นทุนอื่นๆประกอบเข้าด้วย ซึ่งการปรับราคาในครั้งนี้ไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง แต่ปรับลดเท่ากับที่เคยปรับเพิ่มขึ้นไปก่อนหน้านี้
ด้าน น.ท.ปริญญา รักวาทิน อุปนายกสมาคมเรือไทย กล่าวภายหลังหารือผู้ประกอบการเรือไทย เพื่อพิจารณาราคาค่าโดยสาร
หลังสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงต่ำกว่าลิตรละ 25 บาทว่า ที่ประชุมมีมติเห็นร่วมกันว่า ยินดีที่จะปรับลดราคาค่าโดยสารเรือ แต่มีเงื่อนไขว่า หากราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นมาลิตรละ 25 บาท ผู้ประกอบการเรือโดยสาร สามารถปรับขึ้นราคาได้ทันทีโดยไม่ต้องขออนุมัติจากคณะกรรมการพิจารณาอัตราค่าโดยสารเรือประจำทางอีกครั้ง เนื่องจากต้นทุนการเดินเรืออื่นไม่ได้มีการปรับลด เช่น ค่าแรงงาน และที่ผ่านมาผู้ประกอบการเพิ่งปรับลดราคา ได้ไม่ถึง 2 เดือนโดยเรือข้ามฟากปรับราคาวันที่ 12 ก.ย. ลดลง 0.50 บาท ส่วนเรือด่วนเจ้าพระยาปรับราคาวันที่ 22 ก.ย. ระยะละ 1-2 บาท
สำหรับอัตราค่าเรือใหม่ ที่คาดว่าจะปรับลดลงคือ เรือข้ามฟากทุกท่าจะปรับลดราคา 0.50 บาท จาก 3.50 บาท เป็น 3 บาท
ส่วนท่าเรือสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ จะปรับลดจาก 4 บาท เป็น 3.50 บาท ยกเว้นท่าเรือสาทร ที่ปรับลดไปตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค. จาก 3.50 บาท เป็น 3 บาท เรือประจำทางจะลดลง ระยะละ 1 บาท จาก 10-14 บาท เป็น 9-13 บาท เรือธงส้ม ลดลง 2 บาท จาก 15 บาทต่อคนต่อเที่ยว เหลือ 13 บาท โดยราคาค่าโดยสารใหม่จะมีผลบังคับใช้ภายหลังคณะกรรมการพิจารณาอัตราค่าโดยสารเรือประจำทางอนุมัติ ซึ่งจะมีการประชุมภายใน 1-2 วันนี้ ส่วนเรือธงเหลือง จะยืนราคาเดิมคือ 20 บาทต่อคนต่อเที่ยว เนื่องจากเป็นเรือขนาดใหญ่ใช้ 2 เครื่องยนต์ ทำให้ต้องใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงจำนวนมาก หากราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงเหลือลิตรละ 20 บาทถึงจะปรับลดราคาลง 2 บาท จาก 20 บาท เป็น 18 บาท ส่วนเรือคลองแสนแสบปรับลดราคาลดลงระยะละ 2 บาท มีผลตั้งแต่ 20 ต.ค. เป็นต้นไป