เหตุสลดที่เกิดกับ "ช้างราตรี" ยังคงมีให้เห็นอยู่บ่อยๆ
ไม่นานมานี้เกิดเรื่องเศร้าขึ้นกับช้าง "พลายบุญมี" และเจ้าของ ซึ่งถูกคนขับรถกระบะวีโก้เมาซิ่งชนทั้งช้างทั้งคนจนสิ้นใจตาย
"ช้าง"ต้องมาสังเวยชีวิตกลางเมืองอีกจนได้!!?
อุบัติเหตุลักษณะนี้ มิใช่เพิ่งเกิดครั้งแรก ก่อนหน้านี้เคยเกิดขึ้นแล้วหลายครั้ง สร้างความเศร้าสะเทือนใจให้กับผู้มีจิตใจเมตตาสัตว์ อันกลายเป็นที่มาของการเร่งแก้ปัญหาช้างราตรีหรือช้างเร่ร่อนที่เข้ามาหากินในเมืองใหญ่ มีความพยายามผลักดันออกกฎหมายคุ้มครองดูแลช้างบ้านให้อยู่รอดปลอดภัย ทั้งนี้ ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นซ้ำซาก
แต่ก็ดูเหมือนว่าการแก้ปัญหายังคงหาข้อยุติได้ยาก เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลที่ต่างกันออกไป ฝ่ายเจ้าของช้างมักจะอ้างเหตุผลเรื่องปากท้องในทำนองไม่พาช้างเข้าเมืองก็อดตาย ในขณะที่คนเมืองหลวงมองว่าการพาช้างเข้าเมืองเป็นเรื่องเสียหายและมีแต่ปัญหาตามมามากมาย
ปัญหาช้างจึงกลายเป็น"งานช้าง"ไปโดยปริยาย
ย้อนไปดูอุบัติเหตุรถชนช้างครั้งนี้เกิดขึ้นตอนตี 1 วันที่ 16 ต.ค. ตำรวจสน.ประเวศ รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์ชนช้างและคนเลี้ยงช้างตาย และยังมีคนเจ็บอีกหลายราย เหตุเกิดหน้าบริษัท เดนโซ่ (Denso) ถ.ศรีนครินทร์ แขวงและเขตประเวศ ร.ต.ท.สืบสกุล เข็มทอง ร้อยเวรฯ จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
เกิดเหตุร้ายขึ้นแล้วบนถนนสายนี้!!
ที่นั่นตำรวจพบกลุ่มควาญช้าง ประกอบด้วย นายชิต ไม่ทราบนามสกุล อายุ 16 ปี ในสภาพถูกรถชนคอหัก นอนเสียชีวิตอยู่กลางถนน และยังมีด.ช.สิทธิชัย เหยี่ยวรัมย์ อายุ 12 ปี นายคงสิทธิ์ เถลิงสุข อายุ 24 ปี ได้รับบาดเจ็บฟกช้ำที่ศีรษะ ใกล้ๆ กันพบช้างเพศผู้ ชื่อพลายบุญมี อายุ 7 ปี นอนตะแคงเลือดไหลออกทางปาก ตายอยู่กลางถนน โดยมีรถกระบะ โตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ ทะเบียน ศณ 1335 กทม. สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน จอดอยู่ใกล้ๆ มีนายสุรชัย สุนทรภาดากุล อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74/7 ถ.รองเมือง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กทม. คนขับ อยู่ในสภาพเมาแอ๋ มีบาดแผลที่ใต้ตา จึงนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดส่งร.พ.วิภาวดีรามเพื่อรักษา
อีกครั้งกับปัญหาช้างเร่ร่อน จากโดนไฟดูด-ถึงถูกรถชน ออกจากป่า-มาตายในเมือง
ในที่เกิดเหตุตำรวจพบนายบุญจันทร์ เหยี่ยวรัมย์ อายุ 36 ปี ควาญช้างชาวจ.บุรีรัมย์ ยืนรอให้การด้วยความตกใจ กล่าวว่า คนเจ็บคือลูกชาย ส่วนคนตายคือเพื่อนบ้านที่พาช้างมาเดินเร่ด้วยกัน พวกตนมาจากจ.บุรีรัมย์ มาอาศัยอยู่ในย่านศรีนครินทร์ ก่อนเกิดเหตุนำช้างพลายบุญมีออกตระเวนขายอาหารให้ช้าง อยู่ย่านรามคำแหงและกำลังเดินกลับที่พัก
เมื่อเดินมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุกำลังพาช้างข้ามถนน โดยตนทำหน้าที่จับหูช้างด้านซ้าย ลูกชายและเพื่อนเดินตามอยู่ด้านข้าง ระหว่างที่ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามมีรถกระบะโตโยต้าวิ่งมาด้วยความเร็วพุ่งเข้าชนอย่างจัง พาร่างนายชิตไถลไปไกลประมาณ 15 เมตร เสียชีวิตทันที ส่วนคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บไปตามๆ กัน นอกจากนี้ ช้างพลายบุญมีก็ถูกรถชนตายคาที่เช่นกัน
เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก
หลังเกิดเหตุตำรวจส่งตัวนายสุรชัย คนขับรถกระบะไปตรวจวัดแอลกอฮอล์ พร้อมแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิตและทรัพย์สินเสียหายไว้ก่อน ขณะที่นายชิต ผู้เสียชีวิตตำรวจติดต่อญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป ส่วนช้างพลายบุญมี เจ้าของช้างได้ว่าจ้างรถบรรทุกมาบรรทุกศพกลับไปฝังที่บ้านเกิดจ.บุรีรัมย์ด้วยความเศร้าโศก
"ช้างพลายบุญมี เป็นช้างของพี่ชายที่เหลืออยู่เพียงเชือกเดียว พี่ชายยกให้ผมดูแล เนื่องจากความเป็นอยู่ที่บ้านยากจน หากินลำบาก จึงพาช้างเข้ามาหากินในกรุงเทพฯ ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุแบบนี้" นายบุญจันทร์ กล่าวทั้งน้ำตา
เกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้ น.ส.โซไรดา ซาลวาลา เลขาฯ มูลนิธิเพื่อนช้าง ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องช้างเร่ร่อนเป็นสิ่งที่พูดมาตลอด 16 ปี แต่ก็ยังไม่พบมีความเปลี่ยนแปลงใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความจริงใจจากรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใด ที่ขึ้นมาดูแลเรื่องนี้มีแต่จะให้ความสำคัญเพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น ทำให้ช้างต้องได้รับบาดเจ็บและตายในเหตุที่ไม่ควรจะเป็นแบบนี้อยู่เรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นเรื่องที่รู้สึกเสียใจมาก และรู้สึกท้อแท้ที่จะต่อสู้เพื่อช้างเหมือนกัน แต่เมื่อคิดว่าช้างไม่สามารถจะออกมาเรียกร้องได้ ก็จำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือ
"ดิฉันอยากจะบอกว่า ที่ผ่านมา พยายามออกมาเรียกร้องเพื่อให้มีการดูแล เพราะเรื่องเหล่านี้ป้องกันได้ ช้างไม่ควรที่จะออกมาเร่ร่อนในเมือง เขาควรจะอยู่ในที่ที่ควรอยู่ จึงอยากจะเรียกร้องให้ทุกฝ่ายทั้งนักการเมืองระดับสูง ข้าราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแสดงความจริงใจในเรื่องนี้ หาแนวทางแก้ปัญหาอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้มีช้างมาเดินขออาหารในเมือง และอยากจะบอกไปยังกลุ่มคนที่สนับสนุนให้มีการเดินเร่ร่อนของช้าง โดยเฉพาะสัตวแพทย์ท่านหนึ่งที่ให้ท้ายพวกที่เอาช้างมาเดินเร่ร่อน ให้เลิกเสีย เพราะทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่ไปจับ พยายามแก้ปัญหา ก็จะถูกพวกนี้อ้างถึงนายสัตวแพทย์คนนี้ตลอด" น.ส.โซไรดากล่าว
เลขาธิการมูลนิธิเพื่อนช้างกล่าวต่อว่า เตรียมที่จะขอเข้าพบกับนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร เพื่อขอให้กทม.ช่วยเป็นเจ้าภาพในการรับผิดชอบดูแลป้องกันช้างเร่ร่อนไม่ให้เข้ามาเดินในเขตกรุงเทพฯ และให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ปลอดช้างเร่ร่อน เพราะตนก็เป็นคนหนึ่งที่ลงคะแนนเลือกให้นายอภิรักษ์เข้ามาเป็นผู้ว่าฯกทม. ดังนั้น จึงอยากจะให้ช่วยแก้ปัญหาที่เรื้อรังมานานนี้ด้วย
"เรื่องของการฟ้องร้องต่อศาลปกครองนั้น ตอนนี้กำลังให้ฝ่ายกฎหมายศึกษารายละเอียดว่าใครควรเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ เพื่อที่จะได้ฟ้องศาลให้กฎหมายดำเนินการ เพราะเวลาช้างเจ็บป่วย จะส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลช้างทีหนึ่ง ก็แสนจะยากลำบาก แต่เวลาช้างมาเดินเร่ร่อนกลับง่ายดายมาก ทั้งนี้ คงต้องไปดูว่าช้างมาจากต้นทางได้อย่างไร ส่วนกทม.ที่เป็นปลายทาง ก็คิดว่าน่าจะช่วยเหลือในเรื่องของการสกัดกั้นไม่ให้ช้างหรือคนที่เช่าช้างพาช้างมาเดินเร่ร่อนได้ เพราะพวกนี้ไม่ใช่เจ้าของช้างที่แท้จริงแน่ๆ ดิฉันไม่อยากเห็นช้างต้องตายอีก และอยากจะขอให้กลุ่มขบวนการค้าช้างเลิกเสีย เพราะการทำธุรกิจแบบนี้ก็ไม่ต่างจากการค้ามนุษย์" น.ส.โซไรดา กล่าว
กล่าวถึงเหตุสลดที่เกิดกับช้างราตรีมีมากมายหลายเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นช้างถูกรถชน ช้างตกท่อ ไปจนถึงช้างถูกไฟดูดตายกลางถนนก็เคยปรากฏเป็นข่าวมาแล้ว อย่างเช่นกรณีช้างถูกไฟดูดตาย เหตุเกิดที่จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อเจ้าของช้างพา "พังดอกคูณ" ช้างเพศเมียวัย 23 ปี ออกเร่ขายอาหาร ระหว่างเดินมาถึงกลางสะพานข้ามแม่น้ำตาปี เขตเทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานี พังดอกคูณเดินไปเหยียบแผ่นเหล็กกลางสะพานที่มีไฟรั่วเข้าเลยถูกไฟดูดตายคาที่
น่าสะเทือนใจที่สัตว์ใหญ่ต้องมาล้มตายแบบนี้ และมากขึ้นเรื่อยๆ
ทุกฝ่ายต้องช่วยผลักดัน ให้มีการแก้ปัญหาโดยเร็ว