“บารัค โอบามา” สิงห์หนุ่มเดโมแครตทำคะแนนทิ้งห่างคู่แข่งเสือเฒ่า “จอห์น แมคเคน” จากพรรครีพับลิกันถึง 14 จุด
ก่อนที่จะมีการโต้วาทีครั้งสุดท้ายก่อนลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งโพลยังชี้ว่าโอบามายังทำได้ดีกว่าด้วย สามารถโต้ตอบได้ทันควันทั้งเรื่องส่วนตัวและปัญหาเศรษฐกิจ ชนะไปด้วยคะแนนร้อยละ 58-31สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากเมืองเฮมป์สเตด รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ว่า การโต้วาที (ดีเบต) ของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ นายจอห์น แมคเคน วุฒิสมาชิกวัย 72 ปี จากรัฐแอริโซนาพรรครีพับลิกัน กับนายบารัค โอบามา วุฒิสมาชิกวัย 47 ปี จากรัฐอิลลินอยส์พรรคเดโมแครต จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยฮอฟสตราเมืองเฮมป์สเตด รัฐนิวยอร์ก เมื่อวันพุธที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการโต้วาทีครั้งที่ 3 และครั้งสุดท้ายเพราะยังเหลืออีก 19 วันเท่านั้นสำหรับการลงคะแนนเสียงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันอังคารที่ 4 พ.ย.ที่จะถึงนี้
นายจอห์น แมคเคน ได้อภิปรายโจมตีนายบารัค โอบามา ในประเด็นเรื่องส่วนตัวที่เขาเคยมีความสัมพันธ์กับนายวิลเลียม แอรส์ อดีตแกนนำกลุ่มหัวรุนแรงในยุค 1960
เพราะเคยทำงานในชุมชนด้วยกันมาที่นครชิคาโก นอกจากนั้น นายแอรส์ก็เคยให้การสนับสนุนนายโอบามา ช่วงเข้ามาสู่วงการเมืองใหม่ ๆ แต่อดีตแกนนำหัวรุนแรงได้เปลี่ยนแปลงตัวเองมาเป็นศาสตราจารย์ด้านการศึกษาอยู่ที่ชิคาโก ซึ่งเรื่องนี้ผู้สมัครจากเดโมแครตได้ชี้แจงว่า นายแอรส์ไม่เคยเกี่ยวข้องและยุ่งเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้งของตน ดังนั้น หากตนได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี นายแอรส์ก็จะไม่มีบทบาทใด ๆ ทั้งสิ้น
ส่วนประเด็นด้านเศรษฐกิจนั้น นาย โอบามาได้โจมตีนายแมคเคนว่าพยายามที่จะดึงคะแนนเสียงจากประชาชนในช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ
โดยเฉพาะวันที่มีการโต้วาทีกันนี้ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ได้ปรับลดลงอย่างรุนแรงเพราะนักลงทุนมีความหวาดกลัวเกรงว่า เศรษฐกิจอยู่ในช่วงตกต่ำอย่างรุนแรง และผู้สมัครทั้งสองยังได้โต้กันในประเด็นการเสียภาษี โดยผู้สมัครจาก เดโมแครตกล่าวว่า ไม่มีใครชอบเสียภาษีแต่ทุกคนต้องจ่ายภาษีเพื่อให้รัฐนำไปลงทุนสร้างระบบเศรษฐกิจให้แข็งแกร่ง ด้านผู้สมัครจากรีพับลิกันโต้กลับว่า ในเมื่อไม่มีใครชอบเสียภาษีก็ไม่ควรขึ้นภาษี แต่นายโอบามากลับเสนอขึ้นภาษีชาว อเมริกันที่มีรายได้เกิน 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งที่ประเทศกำลังเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ นายโอบามาโต้กลับเช่นกันว่า ทั้งตนและนายแมคเคนต้องการลดภาษี นโยบายของตนคือลดภาษีให้ชาวอเมริกันร้อยละ 95 แต่จะขึ้นเล็กน้อยเฉพาะผู้มีรายได้สูงเท่านั้น ขณะที่นายแมคเคนจะลดภาษีให้บริษัทน้ำมันและก๊าซ
นอกจากนั้น นายแมคเคนยังได้เสนอใช้งบประมาณ 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อสินเชื่อบ้านที่มีปัญหาเพื่อช่วยชาวอเมริกันที่มีบ้านอยู่แล้วประสบปัญหาขาดสภาพคล่องจากสถาบันการเงิน
แต่นายโอบามากล่าวว่า มาตรการนี้เป็นการช่วยสถาบันการเงินมากกว่าเจ้าของบ้าน ซึ่งนโยบายนี้ก็เหมือนกับนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบัน ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ทำให้นายแมคเคนโต้กลับว่า หากนายโอบามาต้องการโต้กับประธานาธิบดีบุช ก็ควรจะลงสมัครรับเลือกตั้งแข่งกับประธานาธิบดีบุชเมื่อสี่ปีที่แล้ว
หลังเสร็จสิ้นเวลา 90 นาทีของการโต้วาทีกันแล้ว ได้มีการทำโพลหรือการสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศว่า ผู้ใดสมควรที่จะเป็นผู้ชนะการโต้วาทีครั้งนี้
โพลของข่าวซีเอ็นเอ็นระบุว่า นายโอบามาชนะไปด้วยคะแนนร้อยละ 58 ขณะที่นายแมคเคนได้ไปร้อยละ 31 ส่วนโพลของข่าวซีบีเอสก็ออกมาในทำนองเดียวกันคือ นายโอบามาชนะไปด้วยคะแนน 53-22 อย่างไรก็ตาม นายแมคเคนนั้นไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้วที่จะต้องหาทางสู้และกู้คะแนนนิยมกลับคืนมาให้ได้ เพราะก่อนการโต้วาที โพลของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ร่วมกับข่าวซีบีเอสนั้น ให้นายโอบามานำห่างนายแมคเคนถึง 14 จุด คือร้อยละ 53-39 นอกจากนั้น การทำโพลของซีเอ็นเอ็นกับนิตยสารไทมส์ใน รัฐสำคัญ ปรากฏว่า นายโอบามานำห่าง 5 จุดในรัฐโคโลราโด 8 จุดในรัฐฟลอริดา 3 จุดในรัฐมิสซูรี และ 10 จุดในรัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งรัฐนี้ถือว่าเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรครีพับลิกันเพราะประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงไม่เคยลงคะแนนให้กับพรรคเดโมแครตมาก่อนเลย นับตั้งแต่ปี 2507 เป็นต้นมา.