พาณิชย์หั่นราคาเพดานขายปลีกน้ำมันปาล์มบรรจุขวดลง 9.50 บาท จาก 47.50 บาท เหลือขวดละ 38 บาท เหตุผลปาล์มราคาตกตามตลาดโลก แถมจ่อลดราคาน้ำมันถั่วเหลือง หลังทิศทางราคาถั่วเหลืองมีแนวโน้มลดลง พร้อมติดตามราคาแป้งสาลี
นางวัชรี วิมุกตายน รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาน้ำมันพืชบริโภค ว่า จากราคาปาล์มมีแนวโน้มลดลง ตามทิศทางราคาปิโตรเลียมในตลาดโลกที่ลดลง แต่ราคาขายปลีกน้ำมันปาล์มขวดมีทั้งลดราคาลงแล้ว และยังไม่ลดราคา ขณะเดียวกันผลผลิตปาล์มมีมากขึ้น ทำให้ทั้งผู้บริโภคและเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนจากราคาที่ไม่สอดคล้องกัน ดังนั้น คณะอนุกรรมการจึงมีมติให้โรงสกัดน้ำมันปาล์มรับซื้อผลผลิตปาล์มดิบจากเกษตรกรในราคากิโลกรัมละ 3.50 บาท สูงกว่าราคาตลาดปัจจุบันที่ 3.20 บาท
นอกจากนี้ยังกำหนดให้โรงสกัดน้ำมันปาล์มกำหนดราคาขายน้ำมันปาล์มดิบให้สอดคล้องผลปาล์มดิบที่รับซื้อมาในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 3.50 บาท หรือที่ราคาประมาณกิโลกรัมละ 22-23 บาท ส่งให้ราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดขนาด 1 ลิตร ต้องปรับลดราคาให้สอดคล้องกัน จากปัจจุบันกำหนดราคาเพดานไว้ที่ขวดละ 47.50 บาท ลดลงเหลือขวดละ 38 บาท หรือลดลงไป 9.50 บาท ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2551 หลังจากคณะอนุกรรมการได้รายงานต่อกระทรวงพาณิชย์แล้ว
“หลังจากนี้กรมการค้าภายในจะส่งหนังสือแจ้งให้ผู้ประกอบการรับทราบต่อไป และแจ้งไปยังพาณิชย์จังหวัดในการติดตามดูแลการปิดป้ายแสดงราคา รวมทั้งทำการประชาสัมพันธ์การกำหนดราคาใหม่ และในช่วงที่ราคาผลปาล์มดิบตกต่ำ กรมจะประสานไปยังหน่วยงานจังหวัดเพื่อตรวจสอบปริมาณนำเข้าและส่งออก เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าผลปาล์มดิบจากประเทศเพื่อนบ้านด้วย”นางวัชรีกล่าวและว่า ในกรณีผลปาล์มดิบล้นตลาด จากการเพิ่มผลผลิตเพื่อรองรับการนำไปใช้ผลิตไบโอดีเซลนั้น กรมจะช่วยประสานและเร่งผลักดันให้เกิดการนำไปใช้ในการผลิตพลังงานทดแทนมากขึ้นด้วย เช่น ให้มีการนำไปใช้ผลิตน้ำมันไบโอดีเซล บี 5 เพิ่มขึ้นได้หรือไม่
ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวดนั้น ที่ผ่านมายังไม่ได้อนุมัติให้ปรับราคาขึ้น แต่จากการตรวจสอบราคาถั่วเหลืองในตลาดโลกขณะนี้ยังทรงตัวและมีทิศทางอ่อนตัวลง อย่างไรก็ตาม จากการที่ราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดปรับลดราคาลง และราคาวัตถุดิบมีแนวโน้มลดลง ทำให้ราคาน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวดมีแนวโน้มลดราคาลงด้วย จากปัจจุบันราคาเพดานอยู่ที่ขวดละ 49.50 บาท
นางวัชรีกล่าวด้วยว่า ขณะนี้กำลังติดตามราคาแป้งสาลีในตลาดโลก ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จากที่ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์อนุมัติให้ปรับขึ้นราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปซองละ 1 บาท เมื่อต้นปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ราคาแป้งสาลีในตลาดโลกขณะนี้ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ราวๆ 550 ดอลลาร์ สูงกว่าราคาที่อนุมัติให้ปรับราคาไป อย่างไรก็ตาม จากราคาแป้งสาลีที่มีแนวโน้มลดลง ก็จะติดตามราคาต่อไป โดยหากต่ำกว่า 500 ดอลลาร์ ก็จะพิจารณาให้ปรับลดราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต่อไป
นาวาโทหญิงวรรณพร มาศเกษม นายกสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์มดิบ กล่าวว่า เห็นด้วยกับการปรับลดเพดานจำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดมาอยู่ที่ขวดละ 38 บาท แต่สมาคมกังวลว่าจะมีปัญหาการลักลอบน้ำมันปาล์มดิบจากประเทศเพื่อนบ้าน
ด้านนายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จัดจำหน่ายสินค้าธงฟ้า...ราคาประหยัด ในงานตลาดนัดทรัพย์สินทางปัญญา สู่ภูมิลำเนา ภายใต้โครงการ จากวันแม่ถึงวันพ่อ 116 วัน พาณิชย์รวมใจ ทั่วไทย ทั่วโลก ณ ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม วันที่ 17-19 ตุลาคม 2551 ตั้งแต่เวลา 08.30-20.00 น. โดยนำสินค้าคุณภาพดี ปริมาณครบถ้วน ราคายุติธรรม จากผู้ประกอบการโดยตรงไปจำหน่ายในราคาต่ำกว่าท้องตลาด 30-50%
ทั้งนี้ ในงานดังกล่าวมีการนำสินค้ากว่า 200 รายการ จำนวน 69 คูหา ไปจำหน่าย โดยมีสินค้าราคาพิเศษ เช่น ไข่ไก่ราคาถาดละ 45 บาท (30 ฟอง) หรือฟองละ 1.50 บาท ขณะที่ท้องตลาดขายราคา 70-75 บาท ส่วนข้าวสาร 100% ราคา 139 บาทต่อถุง (5 กก.) ส่วนท้องตลาดขายถุงละ 160-180 บาท ข้าวหอมมะลิ 100% ราคา 150 บาทต่อถุง ถูกกว่าท้องตลาดที่ขายถุงละ 200-250 บาท น้ำมันพืชปาล์มราคาขวดละ 35 บาท (1 ลิตร) ส่วนท้องตลาดขายขวดละ 40-43 บาท
ผงซักฟอกบรีสเพาเวอร์ ราคา 140 บาทต่อถุง (ขนาด 3,500 กรัม) ส่วนท้องตลาดขายถุงละ 213 บาท แชมพูซันซิล ราคา 80 บาทต่อขวด (375 มิลลิตร) ท้องตลาดขายขวดละ 128 บาท สบู่ลักส์ ราคา 30 บาทต่อแพ็ก (4 ก้อน) ท้องตลาดขายแพ็กละ 48 บาท น้ำยาปรับผ้านุ่มคอมฟอร์ท 14 บาทต่อถุง (700 ซีซี) ท้องตลาดขายถุงละ 28 บาท และสินค้าเครื่องปรุงรส ทั้งร้าน 10 บาท
นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการมีการรายงานถึงสภาวะราคาน้ำมันในปัจจุบันที่ปรับลดราคาลงอย่างมาก ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ หากราคาน้ำมันยังไม่มีการปรับตัวมากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ก็จะให้มีการปรับลดอัตราค่าโดยสารลง ซึ่งในส่วนของ บขส.คาดว่าจะสามารถปรับลดได้ 3-6 สตางค์ต่อกิโลเมตร ส่วนรถร่วมเอกชนซึ่งเป็นคู่สัญญาสัมปทานก็จะมีการลดราคาค่าโดยสารด้วยเช่นกัน
“บขส.เป็นหน่วยงานของรัฐ ต้องดูแลประชาชนก่อน ดังนั้นหากราคาน้ำมันยังปรับลดลงต่อเนื่อง บขส.ก็จำเป็นจะต้องปรับลดค่าโดยสารด้วยเช่นกัน แต่ บขส.ไม่สามารถปฏิบัติเองได้ จะต้องรอคำสั่งจากคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง และเมื่ออนุมัติเมื่อไร บขส.ก็พร้อมจะปฏิบัติตามทันที ส่วนรถร่วมเอกชนเชื่อว่าจะปฏิบัติแนวทางเดียวกับ บขส.เช่นเดียวกัน” นายปิยะพันธ์กล่าว