ส่วนธุรกิจที่ได้รับผลดีรองลงมา ได้แก่ กลุ่มสินค้าเกษตร อาหาร และเครื่องดื่มสุขภาพ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าปัจจัยสี่ที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต
รวมถึงธุรกิจขนส่ง คมนาคมก็จะได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ลดลง ขณะที่ธุรกิจดาวร่วง ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ และนอกประเทศมากนั้น ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมหนัก ธุรกิจที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน และพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก อันดับแรกคือ โรงแรม/ เกสต์เฮาส์ ภัตตาคาร อสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง สิ่งทอ เครื่องหนัง รองเท้า เครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่กระทบต่อเศรษฐกิจและการทำธุรกิจ ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศผู้ประกอบการเป็นห่วงเรื่องความไม่แน่นอนทางการเมืองมากที่สุด
รองลงมาคือเศรษฐกิจชะลอตัว และอำนาจซื้อประชาชนลดลง ตามด้วยความล่าช้าของการอนุมัติโครงการลงทุนขนาดใหญ่ และการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล และที่เหลือมาจากความไม่สงบในประเทศ อัตราเงินเฟ้อในระดับสูง ต้นทุนผลิตสูงเมื่อเทียบคู่แข่ง การแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้น ส่วนปัจจัยเสี่ยงภายนอกที่เป็นห่วง ได้แก่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน และขีดความสามารถของไทยในต่างประเทศที่ลดลง
ส่วนปัจจัยบวกภายในประเทศที่ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ ได้แก่ การใช้งบประมาณการคลังแบบขาดดุล มาตรการกระตุ้นของรัฐ
การยอมรับด้านมาตรฐานผลิตไทยจากตลาดต่างประเทศ และราคาน้ำมันขายปลีกที่ลดลง ขณะที่ปัจจัยบวกภายนอก มาจากราคาน้ำมันโลกที่ลดลง ค่าเงินบาทอ่อน และการขยายตัวของเศรษฐกิจในอาเซียน
“ภาคธุรกิจมองการขยายตัวเศรษฐกิจลดลงจากคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจปี 51 ขยายตัว 4.5-5% เหลือ 3.5-4.5% แต่ศูนย์ยังคาดการณ์ที่ 4.8% แต่ปีหน้าจะเหลือ 4% สะท้อนว่า เศรษฐกิจปีหน้ายังซึมตัว และอาจทำให้การว่างงานเพิ่มขึ้นจาก 1.7-1.8% เป็น 2.2% การบริโภคภายในประเทศขยายตัว 2-2.5% ส่งออกหดตัวเหลือ 8-10% สภาพการเงินอยู่ในภาวะฝืด และสภาพคล่องทางการเงินของครอบครัวอยู่ในภาวะตึงตัว ซึ่งรัฐบาลต้องเพิ่มมาตรการที่จะดูแลสภาพคล่องของธุรกิจขนาดเล็กและระดับครัวเรือนให้มากขึ้น”
ทั้งนี้ ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายและกำไรลดลง สวนทางกับต้นทุนเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน การจ้างแรงงานใหม่จะน้อยลงตามด้วย โดยเฉพาะธุรกิจที่พึ่งพาตลาดในประเทศ ยอมรับว่าธุรกิจจะได้รับผลกระทบตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้ ส่วนธุรกิจส่งออกน่าจะได้รับผลกระทบในปีหน้า และทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงกลางปี และหากการเมืองในประเทศยังไม่คลี่คลาย และนโยบายแก้ปัญหาวิกฤติการเงินสหรัฐฯรวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 6 มาตรการของรัฐบาล ที่เพิ่งออกเมื่อต้นสัปดาห์ ไม่ได้ผล ปัญหาเศรษฐกิจจะแรงขึ้นแน่.