เมื่อ 15 ต.ค. ภาวะการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกหวนกลับไปลดต่ำลงอีกครั้งหลังจากปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในวันจันทร์และวันอังคาร
ปัจจัยหลัก 2 ประการที่ทำให้หุ้นตก ได้แก่ แรงเทขายหุ้นเพื่อทำกำไรระยะสั้นหลังจากหุ้นขึ้นสองวันต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนหันมาพิจารณาเนื้อหาแผนการกอบกู้เศรษฐกิจและวิกฤตการเงินที่รัฐบาล กระทรวงคลัง รวมทั้งธนาคารกลางของสหรัฐและยุโรปประกาศออกมาอย่างลงลึกในรายละเอียดมากขึ้น และยังคงไม่มั่นใจว่าจะช่วยยุติความสับสนอลหม่านในระบบเศรษฐกิจโลกได้ แม้รัฐบาลเหล่านี้จะประกาศพร้อมอัดฉีดเงินงบประมาณอุ้มสถาบันการเงินแบบไม่อั้น นอกจากนั้น นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐสาขาซานฟรานซิสโก ยังออกมาแจ้งข่าวร้ายด้วยว่า เศรษฐกิจสหรัฐได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว เพราะตัวเลขทางเศรษฐกิจในไตรมาสสามออกมาแย่กว่าที่คาดไว้
ดัชนีซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ทั่วเอเชียปรับตัวลดลงในวันพุธ 15 ต.ค. ส่วนตลาดหุ้นสำคัญๆ ทั่วทวีปยุโรป อาทิ ลอนดอน ปารีส แฟรงก์เฟิร์ต ลดลง 1-2 เปอร์เซ็นต์
วันเดียวกัน ประธานาธิบดีกลอเรีย อาร์โรโย ผู้นำฟิลิปปินส์ เผยผลประชุมร่วมกันของเจ้าหน้าที่กระทรวงคลัง 10 ชาติสมาชิกอาเซียนกับตัวแทนรัฐบาลญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ และสถาบันเงินกู้ระหว่างประเทศ ว่า ที่ประชุมเห็นพ้องจัดตั้งกองทุนสำรองเพื่อเตรียมเงินช่วยเหลือชาติในเอเชียที่อาจเผชิญปัญหาขาดสภาพคล่อง และธนาคารโลกรับปากช่วยสมทบทุนเข้ากองทุนนี้เบื้องต้น 1 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 3.4 แสนล้านบาท