ถนนสาย 304 ช่วงขึ้น-ลงภูเขา บริเวณก.ม.ที่ 45-ก.ม.ที่ 48 มีสถิติเกิดอุบัติเหตุเฉพาะปี 2551 ถึง 8 ครั้ง ยอดผู้เสียชีวิต รวม 33 ราย ได้รับบาดเจ็บ รวม 44 คน ถือว่าเป็นจุดที่อันตรายมาก โดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่คุ้นเคยเส้นทาง"
พ.ต.ท.สิวนารถ เสโส สว.สภ.วังขอนแดง อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี กล่าวถึงถนนสายมรณะที่ล่าสุดเกิดอุบัติเหตุรถทัวร์ของคณะนักศึกษาภาคสมทบวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีขอนแก่น จ.ขอนแก่น พลิกตกลงเหว
ทำให้มีนักศึกษาและอาจารย์เสียชีวิตมากถึง 21 ราย บาดเจ็บอีก 27 คน เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา
วันเกิดเหตุคณะนักศึกษาฯ เดินทางมาดูงานที่จ.จันทบุรี โดยใช้บริการรถทัวร์ปรับอากาศ 2 ชั้น หมายเลขทะเบียน 31-2555 กทม. ของบริษัท จาตุรงค์ทัวร์ จำกัด มีนายนายจาตุรงค์ ม่วงแก้ว อายุ 43 ปี เจ้าของรถทำหน้าที่สารถี
เมื่อรถแล่นมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นทางลงเขาแบบ 2 ช่องทางสวนกันที่ลาดชันแถมเป็นโค้งเกือบหักศอก รถขนาดใหญ่ที่บรรทุกอีก 48 ชีวิตน้ำหนักมากเกินกว่าจะต้านทานไหว ทำให้รถยักษ์พุ่งแหกโค้งเข้าหาเนินหยุดฉุกเฉิน!!!
แกะรอยอุบัติโหด 304เส้นทางมรณะ นศ.ตายหมู่21ศพ!
แต่ด้วยความแรงและเร็วทำให้เนินดังกล่าวที่มีความสูงไม่มากนัก ต้านรับรถทัวร์ไม่ไหว
รถทั้งคันลอยละลิ่วผ่านเนิน ขามไปยังเนินเขาอีกลูกตกกระแทกอย่างแรงพลิกคว่ำหลายตลบ ก่อนสิ้นฤทธิ์อยู่ห่างจากถนนหลายสิบเมตร!!!
ตำรวจพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยเดินทางมาถึงหลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีที่ขับรถมาเจอเหตุการณ์
ภาพที่ปรากฏสยดสยองอย่างยิ่ง ศพผู้โดยสารกระจายเกลื่อน ระหว่างที่รถพลิกคว่ำและกระเด็นกระดอนออกมา!!!
ขณะที่บางส่วนก็ถูกรถทัวร์ขนาดใหญ่ทับนอนเสียชีวิตรวมกัน
มีผู้เสียชีวิตทันทีถึง 21 ราย ซึ่งโชเฟอร์ก็อยู่ในจำนวนนั้นด้วย!!!
นอกจากนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และบาดเจ็บไม่มากนักอีก 27 คน พยายามช่วยเหลือซึ่งกันและกัน กระทั่งตำรวจมาถึงและช่วยนำส่งโรงพยาบาลใกล้ที่สุดเพื่อเยียวยา
จากคำให้การของผู้รอดชีวิต ระบุว่าช่วงก่อนมาถึงโค้งมรณะรู้สึกว่ารถเร่งความเร็วสูงขึ้นจนทุกคนตกใจ และสังเกตพบว่าคนขับพยายามบังคับรถเข้าไปยังช่องทางจอดฉุกเฉินซึ่งมีเนินทรายไว้ให้รถเข้าปะทะก่อนตกเหว แต่รถก็พุ่งเลยจุดปะทะจนเกิดเหตุสลดใจ
มีการตรวจสอบในภายหลังพบว่าเนินหยุดรถดังกล่าวถูกทิ้งไม่ได้ดูแล จนทำให้ไม่สามารถใช้งานได้อย่างที่ต้องการ กระทั่งมาเกิดเหตุกับคณะนักศึกษาฯกลุ่มนี้ จึงนำทรายและดินมาเสริมให้เนินสูงและมั่นคงขึ้น
ตํารวจและผู้เชี่ยวชาญเข้าไปตรวจสอบรถที่พังยับทั้งคันพบว่าเกียร์อยู่ที่ระดับ"6" ซึ่งเป็นเกียร์ที่สูงเกินไป เนื่องจากปกติเส้นทางลงเขาดังกล่าวถ้าเป็นรถใหญ่จะใช้ไม่เกินเกียร์"2" เท่านั้น
เจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนขับคงไม่ชำนาญเส้นทาง จึงใช้เกียร์สูงขับลงจากเขาและใช้เบรกช่วยชะลอความเร็วจนเบรกร้อนจัดเกิดปัญหาทำงานได้ไม่เต็มที่ กระทั่งกลายเป็นโศกนาฏกรรมสยองขึ้น!!!
นายถวิล ประจิตร์ อดีตหน่วยกู้ภัยสัจจะพุทธธรรมแห่งประเทศไทย (กบินทร์บุรี) กล่าวว่า บริเวณศาลโทนช่วงขึ้นลงเขา จะมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทุกปี ปี ละไม่ต่ำกว่า 20 ราย และบาดเจ็บนับร้อย และมักร่ำลือกันว่าเฮี้ยน นอกจากนี้ มักมีแก๊งมิจฉาชีพฉวยโอกาสถอดอะไหล่รถที่ประสบอุบัติเหตุ หรืออุปกรณ์ต่างๆ หรือรื้อหาทรัพย์สินผู้เสียชีวิตด้วย
ส่วนนายบรรจง มวยดี อายุ 50 ปี โชเฟอร์รถบรรทุก 18 ล้อที่ใช้เส้นทางนี้เป็นประจำกว่า 10 ปี ระบุว่า ก่อนหน้านี้จุดหยุดรถฉุกเฉินสำหรับช่วยเหลือรถเบรกแตก ไม่ค่อยมีการดูแล แต่เมื่อเกิดเตหุครั้งล่าสุดนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบก็รับมาจัดการทำอย่างดี
"จากประสบการณ์ขับขี่ช่วงทางลงเขาในเส้นทางนี้ ตลอดเกือบ 5 ก.ม. รถใหญ่เบรกมักร้อนจัด คนคุ้นเคยเส้นทางจะค่อยๆ ขับและหากเบรก เริ่มแสดงอาการก็จะรีบประคองรถเข้าข้างทาง เพิ่งแก้ไขทันที แต่ถ้าเป็นคนต่างถิ่นมักจะลงเขามาด้วยความเร็วสูง ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง"!??
ขณะที่นายอภิรัตน์ ไชยวงศ์น้อย ผู้อำนวยการแขวงการทางปราจีนบุรี ระบุว่าถนน 304 นี้ถือว่าเป็นจุดเชื่อมระหว่างภาคอีสานกับภาคตะวันออก จึงมีคนใช้สัญจรจำนวนมาก กรมทางจึงเสนอเรื่องขยายถนนให้เป็น 4 เลน และได้รับการอนุมัติแล้ว
"แต่ติดขัดปัญหาบางช่วงที่ตัดเข้าไปยังอุทยานแห่งชาติทับลาน และเขาใหญ่ ซึ่งเป็นระยะทางประมาณ 5 ก.ม. คือบริเวณจุดเกิดเหตุนั่นเอง เพราะต้องยื่นเรื่องอีไอเอ เนื่องจากกระทบกับความเป็นอยู่ของสัตว์ป่า เพราะถนนตัดผ่ากลางระหว่างผืนป่า 2 ผืน"
ปัญหาที่พบจึงพยายามแก้ไขด้วยการออกแบบพื้นที่ให้สัตว์สามารถเดินได้ แต่ยังสรุปไม่ได้ว่าจะเอาแบบไหน โดยหลักๆ คือให้เดินลอดใต้ถนน หรือให้เดินเหนือถนน ซึ่งจะทำทางข้ามเอาไว้ให้
อย่างไรก็ตามอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ และหลายๆ ครั้งก่อนหน้านี้ แม้ส่วนหนึ่งจะเป็นผลมาจากคนขับที่ไม่ชำนาญเส้นทาง หรือประมาท แต่อีกส่วนหนึ่งคือการละเลยเรื่องสัญญาณเตือน และไม่ปรับปรุงเนินหยุดฉุกเฉินให้สมบูรณ์จนทำหน้าที่ได้เต็มมาตรฐาน
แม้คาดหวังได้ยากว่าจะไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นอีก แต่อย่างน้อยก็อย่าให้เกิดเพราะหน่วยงานที่รับผิดชอบไม่ใส่ใจดูแลอย่างเพียงพอ!??