เตือนหญิงไทย คิดก่อนไปนอก


ชื่อเสียงของหญิงไทยร่ำลือกันมากว่าเอาใจเก่ง มีคุณสมบัติการเป็นภรรยาที่ดี หญิงไทยจึงเป็นที่หมายปองของชาวต่างชาติ แต่ขณะเดียวกัน ชื่อเสียงนี้กลับกลายเป็น "ชื่อเสีย" กับประเทศ และยังความสูญเสียมาให้ตัวเองและครอบครัวอีกด้วย

บาห์เรน ประเทศอิสลามในตะวันออกกลางเป็นเพียงไม่กี่ประเทศที่ค่อนข้างเปิดเสรีทางด้านวัฒนธรรมและเป็นแหล่งทำมาหากินของหญิงไทย

นายสุพัฒน์ จิตรานุเคราะห์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามา ประเทศบาห์เรน กล่าวว่าคนไทยในบาห์เรนมีประมาณ 3-4 พันคน โดยมีหญิงไปค้าบริการประมาณ 500 คน บางคนไปหลายครั้งเพราะไม่ต้องมีวีซ่า สามารถเดินทางเข้าออกได้โดยเสรี และ
ส่วนใหญ่ไปด้วยความสมัครใจ แต่บางส่วนตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์โดยผ่าน "แม่แทค" (contract) หรือนายหน้าที่ต้องจ่ายเงินค่านายหน้าประมาณ 2 แสนกว่าบาท

เมื่อมาถึงบาห์เรนจะต้องเซ็นรับสภาพหนี้ 2 แสนกว่าบาทและอยู่รวมกันอย่างแออัด จะซื้ออาหารกินก็ต้องเป็นหนี้ ทำให้หนี้ที่มีอยู่ยิ่งพอกพูน ความหวังที่จะปลดหนี้ 2 แสนบาทภายใน 15-30 วันกลายเป็นความฝัน และยังต้องเผชิญความจริงที่โหดร้าย เช่น ติดยาเสพติดและถูกบังคับให้ค้าประเวณี

โดยแหล่งทำเงินของหญิงไทยในบาห์เรนอยู่ที่บาร์ "ซีเชล" ในโรงแรมแห่งหนึ่ง ภายในห้องบอลรูม มีหญิงให้บริการ 300 กว่าคน มีบรรยากาศเหมือนย่านพัฒน์พงษ์ ซึ่งจะมีแขกคราคร่ำทุกวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ ทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ ชาวบาห์เรนที่เคยมาเที่ยวเมืองไทย รวมทั้งคนไทยในบาห์เรนและประเทศใกล้เคียง


บางรายหาทางออกไม่ได้ เช่น หญิงคนหนึ่งอายุ 20 กว่าปี ติดยาและเป็นโรคเครียด ในที่สุดก็กระโดดตึกตาย อีกคนหนึ่งอายุ 20 ปีเป็นโรคเครียดทำงานในบาห์เรนประมาณ 6 ปี ไม่อยากกลับไทยเองเพราะอยากทำงาน แต่กดดันเพราะสภาพหนี้เยอะ สถานเอกอัคร ราชทูตเข้าไปช่วยเหลือ พอจะพาไปโรงพยาบาลก็ปัสสาวะราดออกมา

นายสุพัฒน์เตือนหญิงไทยที่คิดจะไปหาอนาคตในบาห์เรนว่าอย่าหวังสูงว่าจะได้เงินเพราะเป็นหนี้พอกพูน ทางแก้ต้องเริ่มที่ต้นตอ คือให้การศึกษาและต้องไม่มีวีซ่าฟรี เพราะเข้าออกง่ายมาก

ส่วนในเยอรมนีมีคนไทยกว่า 1 แสนคน ในขณะที่ทั่วยุโรปมีคนไทยประมาณ 2 แสนคน นายสรยุตม์ พรหมพจน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลินกล่าวว่าในเยอรมนีจึงต้องมีเอ็นจีโอคอยช่วยเหลือเพราะจำนวนชาวไทยมาก ลำพังสถานเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ในเยอรมนีอาจดูแลไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะกลุ่มหญิงไทยที่แต่งงานกับชาวเยอรมัน

ขณะนี้ สถานเอกอัครราชทูตกำลังจะจดทะเบียนศูนย์ประชาราชเป็นมูลนิธิ โดยกระทรวงการต่างประเทศจะดูแล 3-5 ปีแรก และให้ใช้อาคารของสถานเอกอัครราชทูตเป็นที่ดำเนินการโดยจะสนับสนุนการทำงานของเอ็นจีโอที่ช่วยเหลือคนไทย แต่จะไม่ทำงานซ้ำซ้อนกับเอ็นจีโอ เช่น หาแหล่งทุนและให้ข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การฝึกบุคลากรเพื่อไปช่วยผู้อื่น และการสอนภาษาเยอรมันให้กับเด็กที่เกิดในเยอร มนีเพราะแม่คนไทยสื่อสารกับลูกไม่ได้


จิราภรณ์ ธีระภัทรานันท์ เคยประจำอยู่สถานกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต ระหว่างปี 2545-2549 เผยถึงที่มาของเอ็นจีโอที่ช่วยเหลือคนไทยว่าเริ่มจากล่ามที่ต้องติดต่อประสานงานระหว่างคนไทยและสำนักงานในเยอรมนี

เพราะคนไทยส่วนใหญ่ในเยอรมนีกว่าร้อยละ 80 อ่านและเขียนภาษาไทยไม่ได้ และไม่สามารถพูดภาษาเยอรมันได้เลย
เมื่อล่ามไปช่วยเหลือบ่อยๆ ก็พบว่าคนไทยมีปัญหามากมาย จากล่ามกลายเป็นเอ็นจีโอเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากและเสียเปรียบ หลายคนหากลุ่มรวมกันมาช่วยกัน เพราะคนไทยในเยอรมันส่วนใหญ่ ร้อยละ 80 อ่านและเขียนภาษาไทยไม่ได้ ภาษาเยอรมันยิ่งพูดไม่ได้เลย

นอกจากไม่รู้ภาษาแล้ว ยังไม่เข้าใจวัฒน ธรรมเยอรมันทำให้เกิดปัญหาใหญ่ ใน ครอบครัว เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างคำที่สามีเรียกหวานหยดว่า "ชัตซ์" (schatz) แปลว่าที่รัก แต่หญิงไทยฟังเป็นคำด่าภาษาไทย พานโกรธไม่พูดด้วยไป 3 วัน และเกิดเรื่องเลวร้ายกว่านี้ถึงขั้นลงไม้ลงมือกันก็มาก แต่หญิงไทยจำนวนมากที่แต่งงานกับชายเยอรมนีก็ยอมทนเพราะต้องการหางานทำ ซึ่งงานที่ทำก็ไม่ต้องใช้ความรู้ เช่น ทำความสะอาดบ้าน ทำความสะอาดตามโรงพยาบาล ซึ่งลักลอบทำงานเพราะไม่ได้เสียภาษีและไม่ได้ทำประกันสังคม

เมื่อมีปัญหาก็ไม่หันหลังกลับบ้านเกิดเพราะถือคติว่าอับอายคนที่บ้าน เพราะเพื่อนบ้านคาดหวังว่าไปเมืองนอกแล้วจะสบาย บางคนแต่งงานมา 18 ปี ทนถูกสามีทุบตีเป็นประจำจนกระทั่งลูกโต ลูกจึงบอกว่าให้แม่ออกมาจากบ้าน เมื่อเอ็นจีโอทราบเรื่องจึงช่วยเหลือให้แม่และลูกออกมาอยู่บ้านฉุกเฉินพร้อมทั้งหาอาชีพให้แม่และส่งเสริมเรื่องเรียนให้ลูก

ในสังคมเยอรมัน ผู้หญิงไทยและกะเทยเป็นที่นิยมมากในหมู่ชายเมืองเบียร์ ครั้งหนึ่งตำรวจเยอรมันล้างบางย่าน "หัวลำ โพง" ซึ่งเป็นแหล่งค้าบริการทางเพศในเยอรมนี ตำรวจต้องตะลึงเพราะกวาดจับทั้งหญิงไทยและหญิงประเภทสองจากไทยจำนวนมาก ไม่ใช่ด้วยเหตุค้าบริการเพราะอาชีพนี้ถูกกฎหมาย แต่เป็นเพราะ "หนีวีซ่า" คือไม่ได้วีซ่าทำงานหรืออยู่เกินเวลาที่ได้รับอนุญาต

หญิงไทยจำนวนหลายหมื่นหลายแสนคน มีไม่กี่คนที่ได้สามีดี โดยทั่วไปร้อยละ 40 แต่งงานแล้วมีปัญหา เหมือนกับสามีที่มาแต่งงานกับหญิงไทยเป็นพวกที่เหลือเลือกมาแล้วจากสาวเยอรมัน ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจไป "หาอนาคต" ที่เยอรมนีให้คิดให้ดีก่อนไป

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์