ต่อมาเวลา 14.00 น.นายสยุมพร ลิ่มไทย
เชิญ น.ส.จุ๋มจิ๋ม แก้วมณี บุตรสาวบุญธรรมของปู่เย็นพร้อมครอบครัว และ นายไฟซอล โครงเซ็น ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเพชรบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมชี้แจงทรัพย์สินของปู่เย็น ที่ห้องปฏิบัติการ ศาลากลางจังหวัดเพชรบุรี
นายสยุมพรกล่าวว่า
ภายหลังปู่เย็นเสียชีวิต ทางจ.เพชรบุรี ตรวจสอบพบมีทรัพย์สินเงินฝากอยู่ในบัญชีธนาคารออมสินสาขาเพชรบุรี จำนวน 210,418.42 บาท และมีทรัพย์สินส่วนตัวที่ทางโรงพยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี เก็บรักษาไว้ขณะรักษาเป็นเงินสด 79,406 บาท สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท 1 เส้น จะมอบหมายให้นายวรรโณ ภักดี นายอำเภอเมืองเพชรบุรี สอบสวนหาทายาทที่เกี่ยวข้องภายใน 2 วัน จากนั้นจะนำทรัพย์สินทั้งหมดส่งคืนให้กับผู้เป็นทายาทดูแลต่อไป
นายสยุมพรกล่าวว่า
กรณีเรือพระราชทานที่ปู่เย็นได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถนั้น ครอบครัวของ น.ส.จุ๋มจิ๋มมอบให้จ.เพชรบุรีเป็นผู้ดูแล โดยทางจังหวัดจะกราบบังคมทูลสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงทราบเพื่อขอพระบรมราชานุญาต ขอเรือพระราชทานของปู่เย็น มาตั้งเพื่อเป็นอนุสรณ์ที่เชิงบริเวณสะพานลำไย โดยจะของบสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เพชรบุรี และเทศบาลเมืองเพชรบุรี ปรับปรุงสถานที่ จากนั้นจะประสานให้วิทยาลัยเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการต่อเรือพระนครศรีอยุธยา ก่อสร้างแพซีเมนต์ลอยน้ำแล้วนำเรือพระราชทานขึ้นไปตั้งไว้บนแพ สร้างหลังคาคลุมเรืออีกชั้นหนึ่ง เป็นอนุสรณ์เพื่อรำลึกถึงปู่เย็นที่เป็นสัญลักษณ์ของคนเมืองเพชรผูกพันกับสายน้ำในเชิงอนุรักษ์และมีปรัชญาการใช้ชีวิตที่สมถะไม่เบียดเบียนใคร
นายสยุมพรกล่าวว่า
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบุรี จะนำเรือมาดเก่าซึ่งเป็นเรือไม้ลำแรกของปู่เย็น ไปไว้ที่ห้องแสดงศิลปะบนสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบุรีพร้อมแสดงชีวประวัติส่วนตัว รวมทั้งเครื่องมือ เครื่องใช้ของปู่เย็น
ด้านนายวรเทพ บุญยัง อาจารย์ประจำวิทยาลัยเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการต่อเรือพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า
คณะอาจารย์ นักศึกษาและทีมช่างต่อเรือ ร่วมงานศพของปู่เย็น โดยทราบว่าทาง จ.เพชรบุรี เรียกประชุมคณะทำงานเรือพระราชทานของปู่เย็น และมีมติร่วมกันว่า เรือพระราชทานของปู่เย็นเก็บไว้ที่ จ.เพชรบุรี และสร้างอนุสรณ์ไว้ที่เชิงสะพานลำไยริมแม่น้ำเพชรบุรี พร้อมจัดทำหอชีวประวัติของปู่เย็น ให้ประชาชนทั่วไปได้ชม ส่วนของใช้ของปู่เย็นบางชิ้น จ.เพชรบุรีจะเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมพื้นบ้านเพื่อให้เป็นอนุสรณ์แก่คนรุ่นหลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ในส่วนของ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่เป็นสถานที่ต่อเรือและซ่อมบำรุงเรือปู่เย็นนั้น คนงานและช่างที่เคยต่อเรือช่วยกันเก็บชิ้นส่วนเรือของปู่เย็น ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของเรือลำที่จมในแม่เพชรบุรีและถูกนำกลับมาซ่อมแซมล่าสุด เช่น กาบเรือ ฝาข้าง ผ้าม่าน ผ้ายางปิดข้างเรือ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวเรือ รวมถึงรูปถ่ายของปู่เย็นที่มีลายเซ็นหรือลายมือชื่อของปู่เย็นเขียนไว้ในวันที่นำเรือที่ซ่อมเสร็จแล้วไปมอบให้นั้น ทั้งหมดจะนำเก็บไว้ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการต่อเรือพระนครศรีอยุธยา ในรูปแบบห้องนิทรรศการถาวร เพื่อให้เยาวชนรุ่นหลังศึกษาต่อไป
ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการเสียชีวิตของ ปู่เย็น หรือนายเย็น แก้วมณี อายุ 108 ปี ว่า
ปู่เย็นถือว่าเป็นตัวอย่างของผู้สูงอายุชายที่มีอายุยืนยาว โดยผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมหิดลล่าสุดในปี 2550 พบทั่วประเทศมีผู้สูงอายุ 6,824,000 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 100 ปีหรือเรียกว่า ศตวรรษิกชน จำนวน 4,000 คน และอายุขัยเฉลี่ยของคนไทยหลังอายุ 60 ปี ชายอายุ 79.1 ปี ส่วนหญิง 81.5 ปี ซึ่งผู้ชายมีแนวโน้มอายุสั้นกว่าผู้หญิงเนื่องจากมีพฤติกรรมเสี่ยงสูงกว่าทั้งเรื่องอุบัติเหตุจราจร การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า
ขณะนี้ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ จากการตรวจสุขภาพผู้สูงอายุครั้งล่าสุดในปี 2541 โดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข พบผู้สูงอายุอายุ 60-69 ปี เป็นโรคเรื้อรังประจำตัว ร้อยละ 69 และเพิ่มเป็นร้อยละ 83 ในกลุ่มอายุ 90 ปีขึ้นไป และยังพบป่วยเป็นโรคเรื้อรัง 6 โรคพร้อมกันร้อยละ 71 โรคเรื้อรังที่พบมากในผู้สูงอายุ ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ข้อเสื่อม ปวดข้อ ปวดหลัง ปัญหาทั้งหมดนี้มักเกิดมาสะสมตั้งแต่อายุ 45 ปี จึงต้องเร่งจัดระบบการดูแลผู้สูงอายุให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
