"เขาวิหาร"ตึงเครียด "ฮุนเซน"ให้สัมภาษณ์หลังรมว.ต่างประเทศไทย"สมพงษ์ อมรวิวัฒน์" บินไปแนะนำตัว
ประกาศให้ไทยถอนทหารออกจากบริเวณเขาวิหารภายใน 24 ชั่วโมง ขู่จะเปิดศึกทำให้พื้นที่พิพาทเป็นเขตมรณะ ลั่นไม่ยอมให้ไทยยึดครองดินแดนตน ทางด้าน"สมพงษ์"กลับมารีบรายงานด่วนนายกฯสมชาย เผยเขมรจี้ไทยให้ถอนทหารจริง แต่ได้ตอบกลับไปว่าจะให้ถอนจากพื้นที่ที่ทหารไทยลาดตระเวนมานานตั้ง 30-40 ปีแล้วได้อย่างไร เพราะเชื่อว่าเป็นเขตแดนไทยมาตลอด
เมื่อเวลา 20.50 น. วันที่ 13 ต.ค. ที่ท่าอากาศยานกองทัพอากาศ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์หลังเดินทางเยือนประเทศกัมพูชาเพื่อแนะนำตัวในฐานะรมว.ต่างประเทศคนใหม่ พร้อมเผยว่า
ประเด็นสำคัญที่หารือกับนายฮอร์ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศกัมพูชา เกี่ยวกับข้อพิพาทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งตนเป็นห่วงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ชายแดน และขอความร่วมมือกับกัมพูชาให้หาทางแก้ไขโดยใช้การหารือทวิภาคี ซึ่งมีการหารือกันมา 3 ครั้งแล้ว และจะมีการหารือในระดับคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) แต่กัมพูชาเสนอให้มีการประชุมระดับรมว.ต่างประเทศก่อน ซึ่งไทยก็ไม่ขัดข้อง
เขมรขีดเส้นตาย 24ชม. ไทยพ้นเขาวิหาร
นายสมพงษ์ กล่าวว่า
พร้อมกันนี้ ไทยชี้แจงให้เหตุผลในการประชุมเจบีซีว่าไทยจำเป็นต้องขออนุมัติกรอบจากรัฐสภาเสียก่อน เป็นเหตุให้ไทยต้องเลื่อนการประชุมเจบีซี ไม่สามารถดำเนินการได้ และในวันที่ 15 ต.ค.นี้ก็ไม่มีการประชุมรัฐสภา ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทรวงการต่างประเทศอึดอัดใจอยู่เหมือนกัน ขณะเดียวกัน ไทยจะต้องรีบปักปันเขตแดนโดยเร่งด่วน มิฉะนั้นจะเกิดการเผชิญหน้า ในการหารือครั้งนี้มีการพูดคุยในเรื่องนี้ด้วย พร้อมยืนยันไทยควรมีความอดทนในเรื่องนี้ให้มาก
นายสมพงษ์กล่าวว่า
ในการประชุมมีการหารือว่าไทยควรต้องถอนกำลังทหารออกไปจากดินแดนนั้น ตนเห็นว่าการถอนทหารเป็นสิ่งที่ต้องกระทำ แต่พื้นที่นั้นเป็นพื้นที่อะไร ทหารไทยที่อยู่ในบริเวณนั้นลาดตระเวนมา 30-40 ปี จึงยึดมั่นว่าเป็นดินแดนไทย และกังขาว่าการถอนทหารออกจากดินแดนของเราเอง หมายถึงอะไร แต่ขณะเดียวกันกัมพูชามีความรู้สึกว่าเป็นที่ของกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายจึงควรหารือกันในกรอบเจบีซีให้เร็วที่สุดและจะมีการประชุมคณะกรรมการประสานงานชายแดนไทย (อาร์บีซี) ในวันที่ 15 และ 21 ต.ค.
"ผมได้รับรายงานว่าทางกัมพูชาให้ไทยถอนทหารภายในวันที่ 14 ต.ค. จะตรวจสอบข้อเท็จจริงเสียก่อน และจะนำเรื่องนี้ไปรายงานให้นายกฯในฐานะรมว.กลาโหมทราบ เชื่อว่าสิ่งต่างๆ จะบรรเทาและเข้าสู่ระบบที่วางไว้" นายสมพงษ์กล่าว
รมว.ต่างประเทศกล่าวว่า
แม้กัมพูชาเห็นว่าไม่มีทางออก หากต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิในพื้นที่เดียวกัน แต่คิดว่าการคุยกันจะทำให้หาทางจัดสรรดินแดนนั้นได้อย่างไร แต่ยอมรับว่าถ้ากัมพูชาเห็นว่าตกลงในกรอบทวิภาคีไม่ได้ก็คงนำเรื่องสู่ศาลโลก ไทยคงไม่สามารถทัดทานได้
ต่อข้อถามว่ากัมพูชาบอกว่าการหารือครั้งนี้ถือว่าล้มเหลว นายสมพงษ์กล่าวว่า
จะล้มเหลวได้อย่างไร เพราะไทยเสนอให้มีการประชุมเจบีซีและอาร์บีซี และการเยือนกัมพูชาก็เพื่อเยี่ยมคารวะ ไม่ได้เตรียมบุคลากรไปหารือเรื่องชายแดน พร้อมยอมรับว่าเกรงการปะทะกัน แต่ทั้งสองฝ่ายตกลงว่าจะรอมชอมและอดทน
ต่อมาเวลา 21.15 น. นายสมพงษ์ เดินทางเข้าพบนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในฐานะรมว.กลาโหม ที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ เพื่อรายงานหลังเดินทางไปเยือนกัมพูชา ซึ่งล่าสุด กัมพูชาประกาศให้ไทยถอนกำลังออกจากพื้นที่เขาพระวิหารภายในวันที่ 14 ต.ค. ไม่เช่นนั้นอาจมีการใช้วิธีการที่รุนแรง หลังพบนายกฯ นาน 20 นาที นายสมพงษ์เข้าหารือเรื่องข้อกฎหมายกับนายชูศักดิ์ ศิรินิล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ห้องทำงาน
วันเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานผลการเจรจายุติข้อพิพาทเรื่องดินแดนเขาพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อนอื่นๆ ระหว่างนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.การต่างประเทศของไทย กับผู้นำและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลกัมพูชา ที่กรุงพนมเปญว่า
ไม่มีผลคืบหน้าใดๆ และนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ผู้นำกัมพูชา ยังออกมาให้สัมภาษณ์ขู่ยื่นคำขาดให้รัฐบาลไทยสั่งถอนทหารไทยออกจากดินแดนกัมพูชาภายใน 24 ชั่วโมง หรือภายในวันอังคาร ไม่เช่นนั้นทหารกัมพูชาจะทำให้พื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นเขต "เดดโซน" หรือเขตมรณะ เพราะกัมพูชาจะไม่ยอมให้ไทยยึดครองดินแดนของตน
ด้านสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงพนมเปญเช่นกันว่า
นายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังหารือกับนายสมพงษ์ว่า ทหารไทย 500 นาย พยายามข้ามพรมแดนใกล้พื้นที่ที่ทหารไทย 2 นายเหยียบกับระเบิดเมื่อต้นเดือนนี้ และว่า ทหารกัมพูชาบริเวณพรมแดนได้พยายามขอร้องไม่ให้ทหารไทยล่วงล้ำดินแดน เพราะอาจนำไปสู่การปะทะกันและความขัดแย้งอาจลุกลามขยายวงกว้างขึ้น อย่างไรก็ตาม นายสมพงษ์ไม่ได้แถลงชี้แจง ขณะที่โฆษกกองทัพบกไทยระบุว่าทหารไทยไม่เคยรุกล้ำดินแดนกัมพูชา
วันเดียวกัน สำนักข่าวไทยรายงานว่า
กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาออกแถลงการณ์ภายหลังการเจรจากับผู้แทนรัฐบาลไทย เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายเปิดเจรจากันต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ความขัดแย้งลุกลามบานปลายหลังเกิดการยิงปะทะกันเมื่อวันที่ 3 ต.ค. จนทำให้ทหารกัมพูชา 1 นาย และทหารไทยบาดเจ็บ 2 นาย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่บริเวณพรมแดนกรณีพิพาท ห่างจากปราสาทพระวิหารหลายกิโลเมตร โดยต่างฝ่ายต่างอ้างว่าอีกฝ่ายเปิดฉากยิงก่อนและล่วงละเมิดดินแดน
นอกจากนั้น แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ยังได้เรียกร้องให้เปิดเจรจายุติปัญหาอย่างสันติวิธีเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกันอีก และถ้ากระบวนการเจรจาระดับทวิภาคีล้มเหลว ก็ควรที่จะไปอาศัยกระบวนการทางกฎหมายของสถาบันระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหา