พระ 2 รูปกับ 4 ฆราวาสตั้งวงก๊งเหล้าในกุฏิ สั่งต้มยำขาไก่มาเป็นกับเกล้ม ตกดึกเมาเสียงดัง ชาวบ้านข้างวัดได้ยินแจ้งตำรวจ พาส่งเจ้าอาวาสจับสึก เผยยังขัดขืนดึงดันอ้างแค่เมาเหล้าไม่ต้องสึก จนเกิดรายการวางมวยกับชาวบ้าน สุดท้ายก็ต้องยอมสึกไป
เมื่อเวลา 02.00 น.วันที่ 12 ต.ค. พ.ต.ท.สมคิด บุญนุกูล สารวัตรสอบสวน สภ.กบินทร์บุรี จ.ปรา จีนบุรี รับแจ้งจากชาวบ้านหมู่ 4 บ้านเลียบ ต.เมืองเก่า ว่า มีพระและชาวบ้านกำลังนั่งมั่วสุมดื่มเหล้า บริเวณภายในกุฏิวัดศรีบุญเรือง ขอให้ไปตรวจสอบด้วย หลังรับแจ้งแล้วจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจบ้านเมืองเก่าจำนวนหนึ่ง รุดไปยังที่เกิดเหตุ
ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบชาวบ้านจำนวนมากปิดล้อมกุฏิภายในวัด พบพระ 2 รูปทราบชื่อต่อมาคือพระมงคล อมรธรรมโม หรือนายมงคล ท่าชมพู อายุ 45 ปี และพระเต็มศิริ สุขิโต หรือนายเต็มศิริ ทองชุมพล อายุ 48 ปี ส่วนฆราวาสอีก 4 คน คือนายอำนาจ อินทร์พัฒนา อายุ 43 ปี นายสมชัย เกิดแดง อายุ 39 ปี นายสุพจน์ คำมี อายุ 52 ปี และนายสายยนต์ สืบราช อายุ 50 ปี นอกจากนี้ยังพบของกลางเหล้าแสงโสมที่ดื่มแล้วเหลือประมาณครึ่งกลม เหล้าดองยาใส่อยู่ในกระติกน้ำร้อนอีกจำนวนหนึ่ง กับแกล้มเป็นต้มยำขาไก่อีก 1 ถ้วย จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมาพระครูพิศิษฐ์ ธัมธร อดีตเจ้าคณะตำบลเมืองเก่า เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง และเป็นพระอุปัช ฌาย์พระทั้ง 2 รูป เดินทางมาตรวจสอบ สั่งให้พระทั้ง 2 รูปสึกจากผ้าเหลือง แต่ทั้งสองไม่ยอมให้สึก ฝ่ายเจ้าอาวาสยืนยันว่าอย่างไรก็ต้องสึกเพราะสิ่งที่ทำนั้นมันไม่เหมาะสม ทำให้วัดเกิดความเสียหายมาตลอด และพระทั้งสองรูปยังเถียงว่าการดื่มเหล้านั้นไม่ผิดถึงกับขั้นที่ต้องสึก ฝ่ายชาวบ้านที่ฟังอยู่ก็ไม่ยอม บอกต้องให้สึกออกไปให้พ้นจากวัด จนกระทั่งเกิดการโต้เถียงกันแล้วเกิดชกต่อยกันขึ้นระหว่างพระกับชาวบ้าน
จากนั้นจึงนิมนต์พระครูวิธาน วรกิจ เจ้าอาวาสวัดศรีษะเมือง และเลขาฯ เจ้าคณะอำเภอกบินทร์บุรีเขต 1 เพื่อมาสึกพระทั้ง 2 รูป แต่ต้องใช้เวลาเกลี้ยกล่อมเป็นเวลานาน และขอร้องให้สึกไปก่อน ส่วนจะกลับมาบวชอีกหรือไม่ก็แล้วแต่ ต้องใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมงจึงยอมสึก ก่อนที่ตำรวจจะเชิญตัวทั้งหมดไปโรงพักเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ส่วนพระเต็มศิริกล่าวว่า เห็นเพื่อนมาเยี่ยมเยือนตั้งแต่หัวค่ำและมีเหล้าติดมาด้วย จึงขอผสมน้ำผึ้งสักหน่อย จนกระทั่งได้นั่งล้อมวงกันอย่างเต็มที่ภายในกุฏิของตัวเอง และสั่งให้เด็กวัดออกไปชื้อกับแกล้มมาให้เป็นต้มยำขาไก่ จากนั้นทุกคนเริ่มจะเมาได้ที่และมีเสียงดัง จนกระทั่งมีชาวบ้านผ่านมาพบและไปแจ้งให้นางสุพรรณ คำสามารถนุรักษ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ทราบ และมาตรวจสอบก่อนที่จะแจ้งตำรวจดังกล่าว