โอฬารเชื่อไทยยังรับมือวิกฤตโลกได้ บอกคนไทยอย่ากลัว อัด5พันล้านตั้งแมทชิ่งฟันด์

"โอฬาร"เผยหุ้นในมือตปท.ขายหมดใน50วัน เชื่อยังรับมือได้ บอกคนไทยอย่ากลัว สั่งแบงก์รัฐอัด5พันล้านตั้งแมทชิ่งฟันด์ คลังเล็งชงครม.ลดภาษีจูงใจนักลงทุน จี7คลอดแผน5ข้อกู้วิกฤตโลก

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) 21 แห่ง จัดงานตลาดนัดกองทุนรวม (Mutual Fund Fair @ set) ระหว่างวันที่ 11-12 ตุลาคม อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้จะมีผู้มาร่วมงานจำนวนมาก แต่จากการสอบถามบริษัทจัดการกองทุนรวมหลายแห่งพบว่า ผู้มาร่วมงานส่วนใหญ่ยังไม่ตัดสินใจที่จะซื้อกองทุนรวม ทำให้ยอดขายวันแรกไม่คึกคักเท่าที่ควร

ชี้หุ้นในมือตปท.ขาย50วันหมด

เวลา 14.00 น. นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงานว่า ผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเงินของสหรัฐอเมริกาในช่วงที่ผ่านมาทำให้ดัชนีในตลาดหลักทรัพย์ต่างๆ ทั่วโลกปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ส่วนของไทยได้รับผลกระทบเช่นกันจากที่นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยไป 1.3 แสนล้านบาท คงเหลือยอดซื้อสุทธิ 1.1 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ประเมินแล้วว่าประเทศไทยยังมีเม็ดเงินมากพอจะรองรับแรงขายของนักลงทุนต่างชาติได้ เนื่องจากมีเงินทุนสำรอง 1.15 แสนล้านเหรียญ ปริมาณเงินฝากรวม 3.8 หมื่นล้านเหรียญ รวมแล้ว 1.55 แสนล้านเหรียญ หากต่างชาติยังเทขายออกมาวันละ 2 พันล้านบาท เหมือนที่ผ่านมาก็จะใช้เวลาประมาณ 40-50 วัน กว่าจะหมด จึงเชื่อว่าผู้ที่รับผิดชอบก็จะยังสามารถรับมือได้

สั่งธ.รัฐอัด5พันล.แมทชิ่งฟันด์

นายโอฬารกล่าวว่า นอกจากนี้ ภาครัฐจะมีการจัดตั้งกองทุนให้เข้ามาซื้อหุ้นดีราคาถูกที่ถูกนักลงทุนต่างชาติเทขาย โดยจะตั้งเป็นกองทุนรวมจากเดิมที่มีกองทุนร่วม (แมทชิ่ง ฟันด์) มูลค่า 8,250 ล้านบาท โดยจะขยายวงเงินให้ธนาคารรัฐเข้ามาร่วมอีก 5 พันล้านบาท รวมทั้ง จะมีมาตรการทางภาษีขยายวงเงินลดหย่อนภาษีในส่วนของกองทุนระยะยาวเพื่อการลงทุน (แอลทีเอฟ) และกองทุนระยะยาวเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) โดยจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 14 ตุลาคม ส่วนการลดภาษีเงินปันผล กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างศึกษาในรายละเอียด พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่มีฐานะการเงินดี ผลประกอบการดี มีหุ้นดี จัดตั้งกองทุนมาซื้อหุ้นบริษัทคืน โดยมีบจ.เข้าร่วมแล้ว 15 แห่ง และจะเพิ่ม 20-25 แห่ง ขณะเดียวกัน ยังได้ให้ตลาดหลักทรัพย์ไปพิจารณาการเปิดเผยข้อมูลการซื้อขายหุ้นของนักลงทุน โดยแยกประเภทให้ชัดเจนมากขึ้น เช่นในส่วนของนักลงทุนสถาบัน จะให้แยกเป็น กองทุนเปิด กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนร่วม (แมทชิ่งฟันด์) และกองทุนซื้อหุ้นคืน เพื่อให้ประชาชนได้ข้อมูลที่ชัดเจนว่า คนซื้อแท้จริงคือใคร

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะเสนอครม.วันที่ 14 ตุลาคมให้ขยายวงเงินการลงทุนในกองทุนแอลทีเอฟและกองทุนอาร์เอ็มเอฟ ให้นำมาหักค่าใช้จ่ายในการเสียภาษีได้เพิ่มจากร้อยละ 15 เป็นร้อยละ 30 ของวงเงินลงทุน

"โอฬาร"บอกอย่ากลัวไร้เหตุผล

นายโอฬารกล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการคือให้ข้อมูลกับนักลงทุน ว่าหุ้นไหนดี มีกำไร เพื่อสร้างโอกาสลงทุนในหุ้น จะได้ดูแลไม่ให้เชื้อโรคร้ายเกิดขึ้น ฉะนั้น ขอให้คนไทยอย่ากลัวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาและยุโรปอย่างไร้เหตุผล

ผู้สื่อข่าวถามว่า เวลานี้วิกฤตการเงินของโลกได้ลามมาถึงประเทศในเอเชียแล้ว จะมีผลกระทบต่อประเทศไทยหรือไม่ นายโอฬารกล่าว่า ขณะนี้รัฐบาลมีมาตรการที่ประกาศออกมาเป็นระยะตั้งแต่รัฐบาลเข้ามารับตำแหน่ง และคิดว่าน่าจะสามารถดูแลสถานการณ์ต่อไปได้ แต่ก็จะจับตาดูอย่างใกล้ชิด

ชี้ลดดบ.ไม่สำคัญเท่าเงินหมุนเวียน

นายโอฬารกล่าวถึงกรณีที่นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ว่า ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เสนอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาร์พี 1 วัน อีก 2% โดยเร็วที่สุด ว่า ขณะนี้เรื่องดอกเบี้ยถือว่าไม่ใช่ประเด็นหลักหรือประเด็นสำคัญที่จะต้องดำเนินการ เพราะสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการคือ การทำให้สินเชื่อเกิดการไหลเวียนมากที่สุด และไหลเวียนในปริมาณที่ต่อเนื่อง

นายอนุสรณ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ตนได้โทรศัพท์หารือกับนายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึงข้อเสนอให้ ธปท.ลดดอกเบี้ย ซึ่งนายบัณฑิตบอกว่า พร้อมที่จะผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน หากสถานการณ์มีความจำเป็น ซึ่งขณะนี้ ธปท.ได้ติดตามสถานการณ์วิกฤตทางการเงินอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว เห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องนำมาตรการลดดอกเบี้ยมาใช้

"คนเรามีความเห็นต่างกันได้ กระทรวงการคลังกับ ธปท.จะมีการหารือกันอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ผมเห็นว่ามีความจำเป็นต้องใช้มาตรการดอกเบี้ย แม้จะไม่ได้ผลเหมือนกับมาตรการทางการคลัง แต่อย่างน้อยก็ช่วยผ่อนคลายปัญหาที่เกิดขึ้น ช่วยลดภาระเงินกู้ของผู้ประกอบการ ยิ่งหุ้นตกมาก ก็ยิ่งเห็นว่าควรจะนำมาใช้ เพราะถ้าหากปล่อยให้หุ้นตกแรงจะกระทบอย่างหนักต่อรายได้ของผู้ถือหุ้น" นายอนุสรณ์กล่าว

เชื่อคนไทยรับหุ้นตปท.ได้หมด

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท.กล่าวว่า แนวโน้มภาวะตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้ายังคงผันผวน และมีโอกาสปรับลดลง หลังจากติดตามสถานการณ์ตลาดหุ้นในสหรัฐและยุโรปเมื่อคืนวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา ปรับลดลง 5-8% และนักลงทุนต่างชาติยังมีแนวโน้มขายสุทธิอยู่ โดยจากต้นปีถึงปัจจุบันขายไปแล้ว 1.3 แสนล้านบาท แต่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยยังคงซื้อสุทธิอยู่ โดยนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 3 หมื่นล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1 แสนล้านบาท แม้ว่า นักลงทุนต่างชาติจะขายหุ้นที่ถือเหลืออยู่ในไทยขณะนี้ทั้งหมด 1.1 แสนล้านบาท ก็เชื่อว่านักลงทุนไทยจะรับได้ทั้งหมด

"ยืนยันว่าจะไม่มีการปิดตลาดหุ้นเหมือนต่างประเทศ แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับลดลงแรง เนื่องจากได้หารือกันแล้วเห็นว่า มาตรการที่ตลาดใช้อยู่คือ การปิดพักซื้อขายชั่วคราว หรือ เซอร์กิตเบรกเกอร์สามารถดูแลได้ นอกจากนี้ยังเห็นว่า หากปิดการซื้อขายยิ่งจะทำให้แรงขายมีมากขึ้น ไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุน การปล่อยให้มีสภาพคล่อง มีการหมุนเวียนสำคัญมากกว่า" นางภัทรียากล่าว

จี 7คลอดแผนกู้วิกฤตโลก

ส่วนความคืบหน้าการแก้ปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐที่กำลังลามไปทั่วโลกนั้น สำนักข่าวเอเอฟพี เอพี และรอยเตอร์รายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมรัฐมนตรีคลัง และผู้ว่าการธนาคารกลางจากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 7 ชาติ หรือ จี 7 ประกอบด้วย สหรัฐ เยอรมนี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี และแคนาดา ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น กลุ่ม จี 7 ได้ประกาศมาตรการเด็ดขาด 5 ข้อ ในการต่อสู้รับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เผชิญกันอยู่ถ้วนหน้า

มาตรการ 5 ข้อของกลุ่ม จี 7 ประกาศว่า
 
จะทำงานร่วมกัน เพื่อกอบกู้เสถียรภาพของตลาดเงิน ฟื้นฟูสภาพคล่องสินเชื่อและส่งเสริมการเติบโตของระบบเศรษฐกิจโลกด้วยการ


1.ดำเนินมาตรการเด็ดขาด และใช้เครื่องมือที่เปี่ยมประสิทธิภาพในการสนับสนุนสถาบันการเงินที่สำคัญและป้องกันสถาบันการเงินเหล่านั้นล้ม 

2.ดำเนินการทุกอย่างที่จำเป็น เพื่อเสริมสภาพคล่องในตลาดสินเชื่อและตลาดเงิน ให้หลักประกันธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ ในการเข้าถึงสภาพคล่องและเงินทุน 

3.ให้หลักประกันธนาคารและสถาบันการเงินหลักสำคัญต่างๆ ให้สามารถระดมเงินทุนสนับสนุนได้ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน ในมูลค่ามากพอที่จะกอบกู้ความเชื่อมั่นกลับคืนมา และให้ธนาคารและสถาบันการเงินเหล่านั้นสามารถปล่อยกู้ให้แก่ภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนต่อไปได้

4.ให้หลักประกันโครงการค้ำประกันและการประกันเงินฝากให้มีความเข้มแข็ง และมั่นคงพอที่จะทำให้ผู้ฝากเงินรายย่อยคงความเชื่อมั่นว่า มีความปลอดภัยในเงินฝากของตน 

5.ดำเนินมาตรการที่เหมาะสม เพื่อเปิดตลาดมือสองซื้อขายสินทรัพย์จำนองและหุ้นต่างๆ


สหรัฐจ่อช้อนซื้อหุ้นแบงก์มีปัญหา

ต่อมานายเฮนรี พอลสัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ แถลงว่า รัฐบาลสหรัฐจะเข้าซื้อหุ้นในสถาบันการเงินที่ประสบปัญหา หลังจากรัฐบาลประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ได้รับมอบอำนาจให้ซื้อหุ้นจากธนาคาร และสถาบันการเงินต่างๆ ได้โดยตรง ตามแผนฟื้นฟูมูลค่า 700,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่สภาคองเกรสได้ผ่านความเห็นชอบ รวมทั้งสหรัฐจะทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับจีนและญี่ปุ่น ที่ถือครองพันธบัตรสหรัฐมูลค่ามหาศาล ในการแก้ปัญหาวิกฤตการเงินครั้งนี้ด้วย

ด้านนายเพียร์ สไตน์บรูก รัฐมนตรีคลังเยอรมนี กล่าวว่า ที่ประชุม จี 7 มีมติเห็นพ้องกันว่าแนวทางความร่วมมือดังกล่าวเป็นสิ่งที่จำเป็น ขณะที่นายโซอิจิ นาคากาวา รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า แม้สหรัฐจะเป็นต้นตอของวิกฤตการเงินโลก แต่หลายประเทศก็จำเป็นต้องทำงานร่วมกัน

จีนประกาศร่วมแก้วิกฤตการเงิน

การประชุมคณะรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่ม จี 7 มีขึ้นก่อนหน้าที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารโลกจะเปิดประชุมประจำปีขึ้นในวันที่ 11 ตุลาคม ตามเวลาท้องถิ่น ที่กรุงวอชิงตัน โดยจะมีรัฐมนตรีคลัง และนักการเงินภาคเอกชนจากประเทศสมาชิกจำนวน 185 ประเทศทั่วโลกมาร่วมประชุมหารือกันถึงวิกฤตการเงินโลกครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบกว่าครึ่งศตวรรษนี้ เช่นเดียวกับบรรดาผู้นำประเทศในยุโรปที่มีกำหนดจะประชุมหารือกันที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในวันที่ 12 ตุลาคม เพื่อหาแนวทางรับมือร่วมกันในการคลี่คลายวิกฤตการเงินครั้งนี้ที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปั่นป่วนอย่างหนัก ท่ามกลางการคาดการณ์ที่มีเพิ่มมากขึ้นว่า อาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยลงได้

วันเดียวกันนี้ ธนาคารกลางจีนได้ประกาศที่จะให้ความร่วมมือกับนานาประเทศและองค์การการเงินระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด ในการต่อสู้กับวิกฤตการเงินและรักษาเสถียรภาพของตลาดการเงินโลกเอาไว้

ไอซ์แลนด์ลั่นยึดตามพันธะผูกพัน

สำหรับกลุ่มธนาคารใหญ่ในไอซ์แลนด์ ประเทศที่เป็นเกาะเล็กๆทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก ต้องประสบภาวะล้มละลายจากวิกฤตการเงินโลกด้วยนั้น ล่าสุด นายแกร์ ฮาร์ด นายกรัฐมนตรีไอซ์แลนด์ กำลังดำเนินความพยายามในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนต่างชาติที่มีการดำเนินธุรกรรมกับกลุ่มธนาคารของไอซ์แลนด์ที่ล้มละลาย ด้วยการประกาศว่า ไอซ์แลนด์จะปฏิบัติตามสัญญาข้อผูกมัดที่มีอยู่อย่างแน่นอน แต่ยังไม่มีการให้รายละเอียดใดๆ

รอยเตอร์รายงานว่า กลุ่มธนาคารใหญ่ในไอซ์แลนด์ที่ประสบปัญหาล้มละลายจนรัฐบาลต้องเข้าไปควบคุมระบบธนาคารในประเทศเกือบทั้งหมดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ได้แก่ ธนาคารโคพธิง, แลนด์สแบงคี และ กลิตนีร์ ทั้งนี้ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทางการอังกฤษจะเจรจากับทางการไอซ์แลนด์ เพื่อทำความตกลงเกี่ยวกับเงินฝากของชาวอังกฤษที่ทำธุรกรรมไว้กับธนาคารที่มีปัญหาดังกล่าวของไอซ์แลนด์ ซึ่งมีมูลค่า 1,000 ล้านปอนด์ ภายในวันที่ 11 ตุลาคม ขณะที่ธนาคารกลางและสถาบันการเงินในหลายประเทศที่ทำธุรกรรมกับกลุ่มธนาคารที่มีปัญหาของไอซ์แลนด์นั้น กำลังประเมินมูลค่าความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการล้มลงของกลุ่มธนาคารไอซ์แลนด์อยู่
ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งกราวรูด

ข่าวแจ้งว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกเมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา ยังปรับตัวลดลงกราวรูดจากความตื่นตระหนกของนักลงทุนที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกผ่อนคลายลง แม้ว่าเจ้าหน้าที่ด้านการเงินการคลังจากทั่วโลกจะหารือกัน และออกมาตรการเร่งด่วนใหม่ๆ ออกมาเพื่อช่วยเหลือธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ ที่ประสบปัญหา โดยตลาดหุ้นวอลสตรีทยังคงปรับตัวลดลง โดยสูญเสีย 1 ใน 5 ของมูลค่าตลาดไปในการซื้อขายในช่วง 10 วันที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดหุ้นในทวีปยุโรปส่วนใหญ่ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี และ อังกฤษ ปิดตลาดการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม ปรับลดลงไประหว่าง 7-9 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในเอเชียที่ดิ่งเหวกันถ้วนหน้า

น้ำมันต่ำสุดรอบปี-เหลือ74ดอลล์

ขณะเดียวราคาน้ำมันได้ปรับลดลงไปต่ำกว่าระดับ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แล้วจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย โดยสัญญาการซื้อขายน้ำมันดิบชนิดไลท์สวีทส่งมอบล่วงหน้าเดือนพฤศจิกายน ปรับลดลงอยู่ที่ 77.70 ดอลลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 8.89 ดอลลาร์ ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะเลเหนือ ที่ตลาดลอนดอนของอังกฤษ ส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลงไป 8.57 ดอลลาร์ อยู่ที่ 74.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

การปรับลดลงของราคาน้ำมันดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่มีข่าวว่า

กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก (โอเปค) จะจัดประชุมฉุกเฉินในเดือนพฤศจิกายน เพื่อหารือถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากวิกฤตการเงิน ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะปรับลดกำลังการผลิตลง เพื่อปกป้องผลกำไรที่จะได้จากการค้าน้ำมัน


ผู้ดี-ไอซ์แลนด์ก่อหวอดประท้วง

รอยเตอร์รายงานว่า ในกรุงเรคยาวิก เมืองหลวงของไอซ์แลนด์ มีประชาชนราว 200 คน รวมตัวชุมนุมกันอยู่หน้าธนาคารกลางไอซ์แลนด์ เพื่อประท้วงแนวทางการบริหารจัดการเศรษฐกิจของธนาคารกลาง พร้อมทั้งเรียกร้องให้นายเดวิด ออดส์สัน ผู้ว่าการธนาคารกลางไอซ์แลนด์ ลาออกจากตำแหน่ง

ส่วนที่อังกฤษ นักเคลื่อนไหวชาวอังกฤษหลายร้อยคนพยายามบุกเข้าไปภายในอาคารรอยัล เอกซ์เชนจ์ ที่ตั้งอยู่ติดกับธนาคารแบงค์ ออฟ อิงแลนด์ และเคยเป็นที่ทำการตลาดหุ้นของอังกฤษ แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นศูนย์การค้าชื่อดัง เพื่อประท้วงรัฐบาลที่ประกาศอัดฉีดเม็ดเงิน 50,000 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3 ล้านล้านบาท) เข้าอุ้มธนาคารและสถาบันการเงิน เนื่องจากเห็นว่าเป็นการนำเงินภาษีของประชาชนไปช่วยเหลือคนกลุ่มเดียว

อย่างไรก็ตาม ชาวอังกฤษกลุ่มดังกล่าว ไม่สามารถเข้าไปภายในอาคารรอยัล เอกซ์เชนจ์ได้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขัดขวางและพยายามจับกุม แต่ทั้งหมดก็สามารถหลบหนีไปได้

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์