ทั่วโลกลดดอกเบี้ยกู้วิกฤต

เมื่อ 8 ต.ค. เอพีรายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ประกาศปรับลดดอกเบี้ยฉุกเฉินลงจากร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 1.5

เช่นเดียวกับธนาคารกลางของจีน สหภาพยุโรป อังกฤษ แคนาดา สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ และอีกหลายประเทศ ที่ต่างใช้มาตรการปรับลดดอกเบี้ย รับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ตกอยู่ในภาวะอกสั่นขวัญแขวน หลังดัชนีหุ้นทั่วโลกผันผวนมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ และบางประเทศตกต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

นายเบน เบอร์นันคี ประธานเฟด ส่งสัญญาณปรับดอกเบี้ยตั้งแต่วันอังคาร แต่ไม่ส่งผลต่อตลาดวอลสตรีตในวันแรก

ทั้งทำให้สถานการณ์หุ้นทั่วเอเชียเต็มไปด้วยตัวเลขสีแดงเถือกทั้งกระดาน ดัชนีของญี่ปุ่นดิ่งลง 9.4% ต่ำสุดในรอบ 2 ทศวรรษนับจากเหตุการณ์ "แบล็กมันเดย์" เมื่อปี 2530 ฮ่องกงดิ่ง 8.2% เกาหลีใต้ร่วง 5.8% ไต้หวัน 5.8% ส่วนอินโดนีเซียร่วงลงกว่า 10.4% ระดับเดียวกับเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาจนต้องสั่งปิดการซื้อขาย ไทยดิ่งลงถึง 6.88% สิงคโปร์ 6.61%

ด้านยุโรป กระทรวงคลังอังกฤษประกาศแผนช่วยเหลือธนาคารของรัฐ 8 แห่ง

ได้แก่ แอบบีย์ บาร์เคลย์ เอชบีโอเอส เอชบีโอซี ลอยด์ทีเอสบี เนชั่นไวด์บิลดิ้งโซไซตี้ ธนาคารสกอตแลนด์ และสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ เป็นเงิน 50,000 ล้านปอนด์ หรือราว 3 ล้านล้านบาท เพื่อยับยั้งระบบการเงินในประเทศล่มสลาย

ส่วนไอซ์แลนด์ ประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตร่ำรวยติดอันดับโลกจากภาคการเงิน ขณะนี้กลับต้องเผชิญภาวะปั่นป่วนกับวิกฤตการเงินโลก

นายกีเออร์ ฮาร์เด นายกรัฐมนตรีประกาศใช้กฎหมายฉุกเฉินรักษาระบบเศรษฐกิจของประเทศห้รัฐบาลเข้าบริหารกิจการธนาคารและสถาบันการเงินทั้งหมด ยึดทรัพย์สิน และบังคับให้สถาบันการเงินประกาศภาวะล้มละลาย จนเกิดข้อพิพาทระหว่างประเทศกับอังกฤษ

นายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ สั่งเตรียมเรื่องฟ้องร้องรัฐบาลไอซ์ แลนด์ เพื่อปกป้องผู้ฝากเงินของอังกฤษในธนาคารของไอซ์แลนด์ 2 แห่งที่ถูกยึดทรัพย์

โดยทางธนาคารไม่แจ้งแผนอะไรต่อลูกค้า ทำให้ผู้นำอังกฤษต้องออกโรง ขณะเดียวกัน แบงกชาติสวีเดนตกลงให้เงินกู้กับธนาคารคุปธิง ธนาคารใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์ 701 ล้านดอลลาร์เพื่อหนีการล้มละลาย ที่อเมริกา ประเด็นวิกฤตเศรษฐกิจยังคงเป็นหัวข้อหลักในศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของการโต้วาทีรอบ 2 ระหว่างนายบารัก โอบามา ผู้แทนพรรคเดโมแครต กับนายจอห์น แม็กเคน ผู้แทนพรรครีพับลิกัน ซึ่งผลการสำรวจความเห็นชาวอเมริกันของซีเอ็นเอ็น ร้อยละ 54 ต่อ 30 เห็นว่า โอบามาตอบคำถามดีกว่าแม็กเคน ร้อยละ 60 ต่อ 30 เห็นว่า โอบามาแสดงความคิดเห็นบนเวทีดีกว่าแม็กเคน และร้อยละ 54 ตอบว่านายโอบามาดูเป็นผู้นำที่เข้มแข็งมากกว่านายแม็กเคน

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์