ส่งผลให้ธุรกิจการท่องเที่ยวในจังหวัดฯ ช่วงไฮซีซั่นหรือปลายปีนี้ ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะเข้ามาเป็นกรุ๊ปทัวร์ และเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นในประเทศและถูกนำเสนอผ่านไปทั่วโลก ยิ่งจะทำให้ภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และประเทศไทยทรุดลงไปอีก คาดว่าเฉพาะในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะสูญเสียรายได้ไปกว่า 100 ล้านบาท
นายอิทธิพันธ์ กล่าวว่า แม้จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะไม่ได้เป็นเมืองหลวงที่เกิดความวุ่นวาย แต่ในฐานะที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ
และเกือบจะเป็นจังหวัดปริมณฑลไปแล้ว ยิ่งส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นพื้นที่ๆ เกิดความวุ่นวายไปด้วย สิ่งหนึ่งที่อยากจะฝากให้ทั้ง 2 ฝ่ายกระทำ คือเร่งหาข้อยุติและอยากจะให้ถอยคนละก้าว เพื่อความสงบสุขและกลับมาเป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยวต่อไป
ด้าน น.ส.จุฑาทิพย์ เจริญลาภ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นปลายปีนี้ มีแนวโน้มจำนวนของนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงไปอีก
เพราะถูกมองว่าเกิดความรุนแรง และนักท่องเที่ยวก็เหมารวมว่าประเทศไทยเกิดความไม่สงบ ซึ่งความเป็นจริงแล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดเฉพาะที่เท่านั้น อย่างไรก็ตามสิ่งที่ ททท. กำลังทำขณะนี้คือ การนำสื่อต่างชาติและไกด์ลงพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นได้เห็นของจริง และจะได้นำไปถ่ายทอดยังต่างประเทศ
น.ส.จุฑาทิพย์ฯ กล่าวอีกว่า จากนี้ไปททท. ต้องเร่งทำประชาสัมพันธ์และจัดเคมเปญการท่องเที่ยว ให้กับนักท่องเที่ยวคนไทยมากขึ้น เพราะหากเหตุการณ์ยังไม่สงบ ธุรกิจการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างชาติจะน้อยลง
และควรหารายได้เพิ่มจากคนไทย สิ่งหนึ่งที่ควรจะเร่งสงเสริมคือกิจกรรมไหว้พระ 9 วัด เพราะทุกครั้งที่เกิดเหตุความรุนแรงขึ้นในประเทศไทย วัดและศาสนสถานที่สำคัญ จะเป็นสิ่งที่ประชาชนเข้ามาสักการะ เพื่อขอพรให้บ้านเมืองสงบสุข และเป็นที่พึ่งทางจิตใจ.