จากเรื่องราวของ “แฝดสยาม” รายล่าสุด กรณีคณะแพทย์ รพ.สมุทรปราการ ผ่าตัดทำคลอดให้ น.ส.รักดาว พิมพ์พันธ์ อายุ 31 ปี
ให้กำเนิดลูกน้อยเป็นฝาแฝดเพศหญิง มีร่างกายช่วงหน้าอกถึงหน้าท้องติดกัน หรือที่เรียกว่าแฝดสยาม เมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยตั้งชื่อว่า ด.ญ.ณัฐริกา หรือน้องขิง และ ด.ญ.กรรณิการ์ หรือน้องข่า แต่เด็กน้อยทั้งสองมีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ แพทย์ต้องสวมใส่เครื่องช่วยหายใจ ขณะที่นายสุชาติ พันพิทักษ์ อายุ 34 ปี หนุ่มโรงงานผลิตรองเท้าผู้เป็นพ่อของเด็กแฝดสยาม วิงวอนผู้ใจบุญช่วยอนุเคราะห์ ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดแยกร่างลูกสาว เพราะครอบครัวมีฐานะยากจน
ล่าสุดหลังจากลืมตาดูโลกได้เพียง 2 วัน หนูน้อยแฝดสยามคู่นี้ก็สิ้นลมเสียแล้ว
โดยเมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 2 ต.ค. ที่สำนักงานผู้อำนวยการ รพ.สมุทรปราการ อ.เมืองสมุทรปราการ นพ.ชลิต ทองประยูร รักษาการ ผอ. รพ.สมุทรปราการ เปิดเผยว่า คณะแพทย์ประจำห้องบริบาลทารกแรกเกิดสังเกตอาการของน้องขิงและน้องข่า สองหนูน้อยแฝดสยามคู่นี้ พบว่ามีอาการตัวเหลืองและไม่สามารถหายใจได้ ก่อนที่ทั้งสองจะสิ้นใจลงเมื่อเวลา 05.30 น. วันเดียวกันนี้ สำหรับอาการดังกล่าว คาดว่าหนูน้อยมีปัญหาเรื่องของระบบทางเดินหายใจ อีกทั้งมีอวัยวะบางส่วนที่ต้องใช้ร่วมกัน แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นอวัยวะส่วนใด ส่วนร่างของน้องขิงและน้องข่า หลังจากเสียชีวิตแล้วได้นำไปพักไว้ที่ห้องดับจิตของ รพ.สมุทรปราการ
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ห้องดับจิต พบนายสุชาติ พันพิทักษ์ ผู้เป็นพ่อ นั่งร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ
โดยนำร่างไร้วิญญาณของสองหนูน้อยวางอยู่บนเตียงปูผ้าขาว สวมเสื้อเด็กอ่อนสีขาวลายจุด และสวมใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเศร้าสลด นายสุชาติพ่อผู้สูญเสียกล่าวทั้งน้ำตานองหน้าว่าทราบข่าวร้ายตอน 6 โมงเช้า เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลโทรศัพท์ไปบอก ทันทีที่รู้ว่าลูกน้อยฝาแฝดเสียชีวิตถึงกับช็อกทำอะไรไม่ถูก เพราะตนยังมีความหวังว่าในวันนี้คงมีผู้ใจบุญยื่นมือเข้าช่วยเหลือและคิดว่าคงจะผ่าตัดแยกร่างลูกสาวทั้งสองได้ เมื่อมาถึงโรงพยาบาลเห็นร่างไร้วิญญาณของลูกน้อยก็ไม่สามารถสะกดกลั้นน้ำตาได้ อย่างไรก็ตาม คิดว่าคงทำบุญด้วยกันมาเพียงเท่านี้ หากชาติหน้ามีจริงขอวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มาเกิดเป็นลูกของตนอีก ส่วนภรรยาที่นอนอยู่ห้องพักผู้ป่วย หลังทราบข่าวร้ายก็ได้ แต่นอนร้องไห้ คงยังไม่สามารถตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวได้ ระหว่างนี้ก็ได้แต่ให้พยาบาลช่วยดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะเกรงว่าจะกระทบกระเทือนสภาพจิตใจ
“สำหรับศพน้องขิงกับน้องข่า ลูกสาวฝาแฝดทั้ง 2 คน ตั้งใจว่าจะมอบให้ทาง รพ.สมุทรปราการ ไว้เพื่อเป็นวิทยาทานในการศึกษา เนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจน เงินค่าทำศพลูกก็ไม่มีติดตัว ระหว่างนี้ก็จะขอทำบุญอุทิศกุศลให้ลูกมากๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ยังเชื่อเสมอว่าลูกทั้งสองอยู่กับผมตลอดเวลาไม่ได้จากไปไหน” นายสุชาติ กล่าวในตอนท้าย