พราก 30 ปี พ่อ-ลูก ปล่อยโฮ

เรื่องราวความรักความผูกพันระหว่างสายเลือด ของ “พ่อ-ลูก” ที่ถึงแม้จะต้องพรากจากกันไปเกือบทั้งชีวิตและอยู่ห่างไกลกันคนละซีกโลก แต่ด้วยความรักและสายสัมพันธ์ในสายเลือด

ทำให้ผู้เป็นลูกไม่เคยลืมพ่อบังเกิดเกล้า และเฝ้าเพียรพยายามติดตามหาผู้เป็นพ่อตลอดเวลา แม้จะใช้เวลาในการตามหานานนับสิบปี กระทั่งได้มีโอกาสเดินทางข้ามขอบฟ้ามาพบหน้ากันในที่สุด 
เรื่องราวน่าประทับใจที่พ่อลูกได้มีโอกาสกลับมาพบหน้ากันอย่างไม่คิดว่าในชาตินี้จะเจอะเจอกันได้ เป็นที่เปิดเผยขึ้นหลังจากผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีหนุ่มชาวเยอรมันได้ติดตามหาพ่อคนไทย หลังจากที่ต้องพรากจากพ่อไปตั้งแต่อายุได้ 2 เดือน โดยติดตามผ่านทางรายการทีวีของเยอรมนีชื่อรายการ “เวอร์มิส” ที่ได้ขอความร่วมมือจากรายการทีวี “วันนี้ที่รอคอย” ของไทย ซึ่งได้ช่วยประสานงานกันจนพบกับความสำเร็จ จึงได้ติดตามสอบถามข้อเท็จจริง จนทราบว่าผู้เป็นพ่อคนไทยที่ลูกชาวเยอรมันเฝ้าติดตามหามาตลอดชีวิต คือ นายแดน วาจาสิทธิ์ อายุ 55 ปี ทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายบริหารโครงการ บริษัทซีเมนส์ จำกัด (ประเทศไทย) ปัจจุบันพักอยู่ที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี


นายแดนได้เปิดเผยเมื่อวันที่ 30 ก.ย. ถึงเรื่องราว แห่งความหลังที่กลายเป็นตำนานครั้งหนึ่งในชีวิตว่า ช่วงปี 2515 ได้เดินทางไปเรียนต่อระดับปริญญาตรี ด้านวิศวกรรมไฟฟ้า ที่เจอร์ซีซิตี้ สเตท คอลเลจ และมหาวิทยาลัยฮิวส์ตัน สหรัฐอเมริกา

หลังจากนั้นไปอยู่กับญาติซึ่งเปิดร้านอาหารผ่องศรีโภชนา ที่นิวยอร์ก ระหว่างนั้นได้เจอกับ น.ส.อิโรน่า มาเยลเบอร์ก สาวชาวเยอรมนี และรู้สึกถูกชะตากัน จึงคบหาเป็นแฟนก่อนลงเอยด้วยการอยู่กินกันฉันสามีภรรยา กระทั่งภรรยาได้ตั้งท้อง 7 เดือน ก็ย้ายกลับไปบ้านเกิดของภรรยาซึ่งอยู่ที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี จนภรรยาได้คลอดลูกชายและตั้งชื่อว่า “สยาม” แต่ปรากฏว่าช่วงนั้นวีซ่าตนหมดอายุพอดีและกฎหมายการหลบหนีเข้าเมืองของเยอรมนีรุนแรงมาก จึงมีความจำเป็นต้องเดินทางกลับเมืองไทย ซึ่งภรรยาก็เข้าใจ 


นายแดนกล่าวต่อว่า ได้เดินทางกลับบ้านที่ จ.ระยอง และบวชแทนคุณพ่อแม่ ระหว่างนั้น ภรรยาพาลูกชายที่เพิ่งคลอดเดินทางมาอยู่ด้วย ซึ่งพ่อแม่และญาติพี่น้องของตนไม่ได้รังเกียจความเป็นสะใภ้ต่างชาติ แต่อย่างใด

นับเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ได้พบหน้าลูก ต่อมาตนได้ไปลงทุนค้าพลอยและต่ออวนเรือหาปลา ทำได้ระยะหนึ่งเริ่มประสบภาวะขาดทุน แฟนชาวเยอรมันจึงขอนำลูกชายกลับเยอรมนี ตนก็อนุญาตเพราะเห็นว่ามีอนาคตที่ดีกว่า แต่ก็ยังเขียนจดหมายติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอ จนย่างเข้าสู่ปีที่ 3 ภรรยาได้เขียนจดหมายมาบอกว่าขอแต่งงานใหม่ เนื่องจากตนไม่สามารถขอวีซ่าไปทำงานที่เยอรมนีได้ ตนก็ไม่ขัดข้อง เพราะลูกจะได้มีที่พึ่งพาและมีอนาคตที่ดีกว่า จากนั้นก็ขาดการติดต่อกันไป เนื่องจากภรรยากับสามีใหม่ย้ายไปอยู่เมืองอื่น แต่สิ่งหนึ่งที่ทั้งสองฝ่ายมีให้กันคือความรักและความรู้สึกดีๆ กับรูปถ่ายของตนและรูปถ่ายของลูกตอนอายุ 1 ขวบ 


ผู้บริหารบริษัทซีเมนส์กล่าวอีกว่า ไม่นานข่าว คราวของอดีตภรรยากับลูกชายก็หายเงียบเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง ตนพยายามสืบหาก็ไม่เป็นผล

ทุกครั้งที่คิดถึงลูกได้แต่หยิบรูปถ่ายลูกตอนเด็กมาดู และภาวนาว่าสักวัน หนึ่งคงได้พบหน้าลูก เวลาต่อมาตนเกิดพบรักและแต่งงานใหม่กับภรรยาคนไทยและมีลูกด้วยกัน 3 คน แต่เรื่องราวความรักความหลังกับอดีตภรรยาชาวเยอรมัน ตนได้เล่าให้ภรรยาใหม่ฟังทุกอย่าง ทางภรรยาใหม่ก็ไม่ว่าอะไร ทั้งยังคอยเป็นกำลังใจและกระตุ้นให้ตนติดตามหาลูกชายตลอดเวลา เพราะตนไม่เคยลืมลูกชายคนนี้เลย กระทั่งข่าวดีท่ามกลางข่าวร้ายก็เกิดขึ้น ขณะที่ตนไปงานศพพ่อที่ จ.พิษณุโลก เมื่อ 2 ปีก่อน ได้ทิ้งที่อยู่ติดต่อและ เบอร์โทรศัพท์เอาไว้กับญาติ


กระทั่งเมื่อเร็วๆนี้ รายการวันนี้ที่รอคอย ได้โทรศัพท์ติดต่อมาว่า มีลูกชายชาวเยอรมันชื่อ “สยาม โมดี้ ” กำลังตามหาตัวอยู่โดยติดต่อผ่านรายการ “เวอร์มิส” ซึ่งเป็นรายการทีวีของเยอรมัน ทำเอาตนถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก

ทั้งดีใจและมีความสุขมาก เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าลูกชายจะยังคิดถึงและไม่ลืมตน แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 30 ปี กระทั่ง 2 สัปดาห์ ให้หลัง รายการ “เวอร์มิส” ได้พาบุตรชายเดินทางข้าม โลกมาหา ส่วนตนทางรายการวันนี้ที่รอคอย ได้ช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในการมาพบหน้าลูกชาย โดยนัดหมายให้ตนและลูกไปเจอกันที่สวนลุมพินี เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นสถานที่ที่สะดวกที่สุดของทั้งสองฝ่าย


พ่อผู้โชคดีที่ได้พบหน้าลูกกล่าวต่อว่า วินาทีที่ ได้เจอหน้าลูกชายชาวเยอรมัน มีความรู้สึกว่าโลกทั้งโลก แทบหยุดหมุน ภาพที่อยู่ตรงหน้า

คือชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ไว้ผมยาวและหน้าตาเหมือนตนสมัยหนุ่มๆ ไม่มีผิดเพี้ยน ได้เดินตรงเข้ามาหา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่คือสายเลือดแท้ๆ ที่จากกันไป ตนและลูกชายได้โผเข้ากอดซึ่งกันและกัน คำพูดแรกที่ตนพูดกับลูกพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินออกมาด้วยความตื้นตันและดีใจคือ เวลคัมโฮม ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีปัญหา เราคือพ่อลูกกัน พ่อขอโทษที่พ่อไม่ได้อยู่ดูแลลูกเลย แต่ตลอดเวลาพ่อรักและคิดถึงลูกไม่เคยลืม ขณะที่ลูกชายก็ได้สวมกอดตนแน่นและร้องไห้สะอึกสะอื้น เหมือนเด็กเล็กๆ ด้วยความดีใจที่ได้พบหน้าผู้ให้กำเนิด ก่อนยกมือกราบที่หน้าอกตนและกล่าวเป็นภาษาไทยว่า “สวัสดีครับพ่อ” พร้อมกับเช็ดน้ำตาของตนที่ไหลอาบแก้ม ทำให้ตนรู้ทันทีว่า สิ่งที่ขาดหายไปกว่า 30 ปี ได้กลับมาเติมเต็มชีวิตแล้ว ที่สำคัญการมาครั้งนี้ ลูกชายได้นำ ลูกสะใภ้ชาวเยอรมัน ซึ่งพิการตาบอดทั้งสองข้างและหลาน ชายวัยเดือนเศษมาด้วย

หลังจากนั้นตนได้พาลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลานชาย กลับไปบ้านที่พัทยา ใช้ชีวิตกินเที่ยวเล่น ขี่สกูตเตอร์ อยู่ด้วยกันกับครอบครัวใหม่ของตนตลอด 1 สัปดาห์เต็ม ทำให้ตนมีความสุขมาก

ส่วนลูกของภรรยาใหม่ทั้งสามคน ก็ดีใจและยอมรับพี่ชายคนโตลูกครึ่งชาว เยอรมันด้วยความเต็มใจ 
นายแดนกล่าวอีกว่า การได้พบหน้าลูกชายคนแรกนี้ เป็นสิ่งที่ดีใจที่สุดในชีวิต ไม่มีสิ่งใดจะยิ่งใหญ่กว่านี้อีกแล้ว ตลอดเวลาคิดอยู่เสมอว่า จะมีโอกาสได้เจอหน้า ลูกชายหรือไม่ เพราะตนไม่คิดกลับไปเยอรมันอีกแล้ว สิ่งนี้คือปาฏิหาริย์ของชีวิตและที่ดีใจมากๆ คือ ตนเป็นปู่ของหลานชายจากเยอรมันอีกคนแล้ว ส่วนลูกชายเมื่อได้มาใช้ชีวิตด้วยกัน เขาชอบเมืองไทยมาก อยากมาอยู่ เมืองไทยและได้วางแผนไว้ว่า ปีหน้าจะกลับมาปลูกบ้านอยู่ใกล้ๆ บ้านของตนที่พัทยา ส่วนอดีตภรรยาชาวเยอรมันของตน เมื่อรู้ว่าลูกชายได้พบหน้าพ่อบังเกิดเกล้าแล้ว ได้โทรศัพท์มาคุยไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ แสดงความยินดี กับตน

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณรายการวันนี้ที่รอคอยที่ได้ช่วยเหลือและทำให้ความรัก ความผูกพันของพ่อลูก ที่อยู่คนละฟากโลกได้มาพบเจอกัน 


ขณะที่นายสยาม ซึ่งขณะนี้มีอายุ 32 ปี กล่าวกับ ผู้สื่อข่าวว่า พยายามติดตามหาพ่อมาตั้งแต่อายุได้ 16-17 ปี เพราะชื่อ “สยาม” ที่แม่ตั้งให้ แม่บอกว่าเป็นอนุสรณ์ของความรัก ความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับพ่อ แม่บอกตนเสมอตั้งแต่เด็กว่าพ่อเป็นคนไทยและเป็นคนดีมาก จึงคิดว่าสักวันต้องพบหน้าพ่อให้ได้ จากนั้นก็ได้ติดตามหามาตลอด กระทั่งพบรายการทีวีเวอร์มิส จึงเล่าให้ฟัง ทาง รายการจึงช่วยเหลือประสานมายังรายการทีวีเมืองไทยให้ตามหาพ่อ ยิ่งตนได้แต่งงานโดยภรรยาตาบอดทั้งสองข้าง แต่เพราะความรักความเข้าใจและความดีที่มีต่อกัน ทำให้ทุกอย่างไม่เป็นอุปสรรค เมื่อตนได้มาเมืองไทย พบกับครอบครัวของพ่อ ทุกคนดีใจมาก เมืองไทยน่าอยู่ ปัจจุบันตนทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์อิสระ ก็สะดวกถ้าหากจะใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทย ภรรยาก็เห็นว่าที่นี่สะดวก สบายกว่าที่เยอรมัน แต่คงต้องรอการตัดสินใจอีกที หลังจากตนมาพบกับพ่อแล้ว พ่อยังได้ยกที่ดินใกล้ๆ กับบ้านของพ่อให้ตนไว้ปลูกบ้านด้วย 


สำหรับการพบหน้ากันเป็นครั้งแรกในชีวิตของสองพ่อลูกต่างเชื้อชาติ หลังจากกันไปกว่า 30 ปี จะถูก เผยแพร่ในรายการ “วันนี้ที่รอคอย” วันเสาร์ที่ 4 ต.ค.นี้ เวลา 23.30 น. ทางช่อง 9 โมเดิร์นไนน์ทีวี


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์